นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า กรณีสื่อสังคมออนไลน์แชร์ข้อมูลและวิจารณ์ถึงโครงการปฏิรูปเส้นทาง และเกิดความสงสัยหลังจากพบว่ามีการปรับเปลี่ยนเลขสายรถเมล์ จากเลขเดิมที่มีมาอย่างยาวนานเปลี่ยนเป็นเลขสายใหม่ โดยมีผู้เข้ามาแสดงความเห็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนหนึ่งเห็นว่ามีความซับซ้อน ทำให้จำได้ยาก อาทิ รถเมล์สาย 1 ถนนตก-ท่าเตียน เปลี่ยนเป็น สาย 3-35 และรถเมล์สาย 8 สะพานพุทธยอดฟ้า-ถนนนิมิตใหม่ เปลี่ยนเป็น สาย 2-38 แฮปปี้แลนด์-ท่าเรือสะพานพุทธ ซึ่งที่มาของการปรับเปลี่ยนเลขสายรถเมล์ในขณะนี้ เป็นไปตามแผนแม่บทพัฒนาระบบรถโดยสารประจำทางในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งศึกษาโดยสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 และมีการรับฟังความคิดเห็นในเบื้องต้นไปด้วยแล้ว
โดยเลขสายรถเมล์จะแบ่งเป็น 4 โซน ใช้หลักการแบ่งพื้นที่การเดินรถของจุดต้นทางตามทิศของกรุงเทพมหานคร คือ เลขแรกเป็นเลขโซน และตัวเลขหลังเป็นเลขสาย
โซนที่ 1 ทิศเหนือ (กรุงเทพฯ โซนเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ ถนนพหลโยธิน) ขึ้นต้นด้วย 1-เลขสาย (1-1 ถึง 1-68)
โซนที่ 2 ทิศตะวันตก (กรุงเทพฯ ชั้นในและโซนตะวันตกเฉียงเหนือ) ขึ้นต้นด้วย 2-เลขสาย (2-1 ถึง 2-56)
โซนที่ 3 ทิศตะวันออก (กรุงเทพฯ โซนตะวันออกเฉียงใต้ : ถนนสุขุมวิท) ขึ้นต้นด้วย 3-เลขสาย (3-1 ถึง 3-56)
โซนที่ 4 ทิศใต้ (กรุงเทพฯ โซนใต้และตะวันตกเฉียงใต้ ถนนเพชรเกษม) ขึ้นต้นด้วย 4-เลขสาย (4-1 ถึง 4-71) ซึ่งแตกต่างจากหมายเลขสายรถเดิมที่มีการเรียงตัวเลขสายไปเรื่อยๆ เมื่อมีเส้นทางใหม่ก็เพิ่มตัวเลขเข้าไป
ขณะที่สายรถเมล์ใหม่นี้จะมีเลขโซนอยู่ด้านหน้า โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำให้ทราบว่า รถเมล์สายนี้มีต้นทางอยู่ในพื้นที่ใด ถนนสายใด ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้ทุกกลุ่ม แม้แต่ผู้ที่ไม่ค่อยได้ใช้รถเมล์และนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะมาใช้รถเมล์เดินทางในเมืองที่มีข้อมูลนี้ ก็จะทราบว่าจะเดินทางจากที่ไหนไปที่ไหน จะต้องขึ้นรถเมล์ในโซนใดหรือสายใด
นอกจากนี้ ในช่วงการเปลี่ยนผ่านปฏิรูปเส้นทางนี้ เพื่อป้องกันความสับสนของของผู้ใช้บริการ กรมการขนส่งทางบก จึงได้มอบหมายองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และรถร่วมเอกชน ให้ดำเนินการใส่เลขสายเดิมควบคู่กับเลขสายใหม่กำกับหน้ารถไว้ด้วย ซึ่งจะใส่เลขสายเดิมกำกับเลขสายใหม่ไว้ไม่น้อยกว่า 1 ปี เพื่อให้ประชาชนทราบแนวเส้นทางต่างๆ ในการเดินทาง จนกว่าประชาชนจะเกิดความคุ้นเคยหลังเริ่มปรับเปลี่ยนสาย รวมทั้งเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบการเปลี่ยนเลขสายนี้ บนรถเมล์และบริเวณป้ายรถเมล์ และแจกแผ่นพับแก่ผู้โดยสาร
ขณะเดียวกัน ในอนาคตจะมีการนำเทคโนโลยีแอปพลิเคชันมาช่วยในการเดินทาง เพื่อเป็นข้อมูลการเดินทางและเกิดความสะดวกกับผู้ใช้บริการรถเมล์ในพื้นที่เมืองทั้งหมดด้วย ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการศึกษาและพัฒนาแอปพลิเคชันให้สอดคล้องกับแผนการปฏิรูปเส้นทางฯ โดยจะนำระบบ GPS มาใช้ร่วมกับระบบในแอปพลิเคชัน เมื่อผู้เดินทางเข้าใช้งานแอปพลิเคชันก็จะทราบว่า หากเดินทางจากต้นทางนี้ไปปลายทางที่ไหน จะใช้รถเมล์สายใด ระยะทางเท่าใด และใช้เวลาในการเดินทางเท่าไร เชื่อว่าจะเกิดประโยชน์ต่อผู้ใช้บริการอย่างมาก
ทั้งนี้ ในอนาคตรถเมล์จะมีระบบประมวลผลที่ดีและทำให้การปรับปรุงเส้นทางเดินรถของรถเมล์ที่ง่ายขึ้น และเป็นไปตามความต้องการของประชาชน โดยแอปพลิเคชันใหม่นี้จะเปิดตัวภายใน 6 เดือนข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม กรมการขนส่งทางบก ยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาปรับปรุงการให้บริการรถเมล์ในเมือง เมื่อได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนก็จะสามารถพัฒนาไปข้างหน้าและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ใช้บริการในอนาคตต่อไป