ศาลปกครองกลางมีคำสั่งยกคำร้อง ไม่รับการขอทุเลาชั่วคราวของนายณภัทร วินิจฉัยกุล ที่ได้ยื่นศาลปกครองกลางฟ้องคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) โดยระบุว่า ประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ฯ เรื่อง มาตรการกำกับดูแลการรวมธุรกิจในกิจการโทรคมนาคม ลงวันที่ 4 ธันวาคม 2560 (ประกาศเรื่องการรวมธุรกิจฯ) ไม่ชอบด้วยกฎหมายและได้ยื่นคำขอเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษาต่อศาลปกครอง เพื่อขอให้มีคำสั่งทุเลาการบังคับหรือหยุดใช้ประกาศเรื่องการรวมธุรกิจฯ โดยเร่งด่วน
ทั้งนี้ ศาลฯ พิจารณาว่า การกล่าวอ้างของนายณภัทร ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง และไม่ได้เกิดความเสียหายอย่างที่กล่าวอ้าง
ศาลปกครองกลางจึงมีคำสั่งยกคำร้องของนายณภัทร โดยพิจารณาแล้วเห็นว่าประกาศ กสทช. เรื่อง มาตรการกำกับดูแลการรวมธุรกิจในกิจการโทรคมนาคม ลงวันที่ 4 ธันวาคม 2560 ชอบด้วยกฎหมาย และจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ทรูและดีแทคยังอยู่ระหว่างการดำเนินการจดทะเบียนให้เกิดเป็นนิติบุคคลใหม่ ซึ่งมีผลเป็นการรวมธุรกิจ ดังนั้น จึงไม่มีความเสียหายร้ายแรงที่ยากแก่การแก้ไขในภายหลังตามที่ผู้ฟ้องคดีกล่าวอ้างแต่อย่างใด
นอกจากนี้ การให้ทุเลาการบังคับหรือหยุดใช้ประกาศเรื่องการรวมธุรกิจฯ อาจเป็นอุปสรรคแก่การบริหารงานของ กสทช. ด้วยเช่นกัน ซึ่งคำสั่งของศาลปกครองที่ยกคำขอวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษาของผู้ฟ้องคดีดังกล่าวเป็นที่สุดและไม่สามารถอุทธรณ์
ทั้งนี้ กสทช.ได้ดำเนินการตามโรดแมปที่ประกาศไปก่อนหน้านี้ คาดว่าจะระบุผลการพิจารณาในกรณีมีเงื่อนไขเพิ่มเติม เพื่อแจ้งให้ทรูและดีแทคทราบ ซึ่งยังคงเป็นไปตามประกาศ ปี 2561 โดยยังคงเป็นไปตามแผนการดำเนินการที่ประกาศไปก่อนหน้านี้
ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน กสทช. (กตป.) หรือ ซูเปอร์บอร์ด กสทช. ได้ออกมาชี้แจงว่ากรณีที่นายณภัทร ได้ยื่นหนังสือถึง กสทช.กรณีควบรวมทรู-ดีแทค เป็นเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวซูเปอร์บอร์ด โดยนายณภัทร เป็นหนึ่งในซูเปอร์บอร์ด กสทช. รับผิดชอบเฉพาะกิจการกระจายเสียง และไม่เคยนำเรื่องควบรวมดังกล่าวมาหารือที่ประชุม