พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เข้าสอบปากคำผู้เสียหายจากกรณีร้านดารุมะ ซูชิ ขายคูปองบุฟเฟต์แซลมอน แล้วปิดร้านหนี
พล.ต.ท.จิรภพ เปิดเผยภายหลังการสอบปากคำ ว่า จากการตรวจสอบพบว่ามีผู้เสียหายจำนวนมาก คาดว่าถึงหลักหมื่นราย ซึ่งทางร้านได้ออกโปรโมชันที่เกินความเป็นจริง แต่กลับปิดร้านหลบหนีไป ขอให้ประชาชนเข้าแจ้งความที่ บก.ปคบ. หรือลงบันทึกประจำวันไว้ที่สถานีตำรวจใกล้เคียง โดยตนจะเร่งประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้มีการรวมคดีมาที่ บก.ปคบ. ภายในวันพรุ่งนี้ (21 มิ.ย.) จากนั้นจะรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับให้เร็วที่สุด
ส่วนเจ้าของแฟรนไชส์ได้ออกนอกประเทศไปเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 23.00 น. ปลายทาง คือเมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพียงคนเดียว แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะเดินทางไปที่ใดต่อ จากนั้นเจ้าของแฟรนไชส์ปิดร้านวันที่ 17 มิถุนายน ที่ผ่านมา น่าเชื่อว่ามีเจตนาหลอกลวงประชาชน โดยขณะนี้สามารถอายัดเงินได้เพียงไม่กี่แสนบาท แต่ความเสียหายนั้นหลักร้อยล้านบาท
ส่วนพฤติการณ์มีแนวโน้มสูงที่จะตั้งใจฉ้อโกง ซึ่งหลังจากนี้จะรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้ต้องหา และบุคคลที่เกี่ยวข้อง หากยังไม่กลับมาประเทศไทยจะพิจารณาเรื่องการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ยืนยันว่าจะทำสุดความสามารถ
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บุคคลที่เกี่ยวข้อง คือ เจ้าของแฟรนไชส์เพียงคนเดียว หลังจากนี้จะตรวจสอบทุกอย่าง เช่น เส้นทางการเงิน การกระทำความผิดว่ามีใครเกี่ยวข้องหรือไม่ โดยเบื้องต้นเข้าข่ายฐานความความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน และหากมีการโอนเงินไปยังบุคคลใดก็อาจเข้าข่ายฟอกเงินด้วย แต่เบื้องต้นขณะนี้ทราบว่าทางร้านมีบัญชีหลักเพียงบัญชีเดียว
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวอีกว่า เบื้องต้นแบ่งผู้เสียหายเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ผู้เสียหายที่ซื้อคูปองไปบริโภค ผู้เสียหายที่ซื้อคูปองไปขายต่อ และผู้เสียหายเสียหายที่ซื้อแฟรนไชส์ โดยผู้ที่ซื้อแฟรนไชส์ต้องดูเจตนาว่ามีเจตนาหลอกลวงประชาชนหรือไม่ หากไม่มีเจตนาหลอกลวงประชาชนก็ถือว่าไม่มีความผิด
ทั้งนี้ ร้านดังกล่าวได้เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2559 และเริ่มขายคูปองในปี 2563 โดยมีการลดราคาลงมาเรื่อยๆ กระทั่ง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ลดราคาลงเหลือ 199 บาท ทำให้มีผู้ซื้อจำนวนมาก โดยคูปอง 199 บาท นั้นสามารถใช้ได้ตลอดเวลา และสามารถใช้ได้จริงมาตลอด ส่วนร้านค้าที่ขายปลาแซลมอนให้ทางแฟรนไชส์ ก็สามารถมาแจ้งความดำเนินคดีไว้ได้เช่นกัน