xs
xsm
sm
md
lg

รบ.ปลื้มไทยติด Top3 ของโลก ระบบ e-Payment ทำธุรกรรมแบบเรียลไทม์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยข้อมูลจากการสำรวจของเอซีไอ เวิลด์ไวด์ (ACI Worldwide) ภายใต้ความร่วมมือกับโกลบอลดาต้า (GlobalData) ซึ่งเป็นบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลระดับโลก และศูนย์วิจัยทางเศรษฐกิจและธุรกิจ (Centre for Economics and Business Research – CEBR) ว่า ในปี 2564 ประเทศไทยมียอดการทำธุรกรรมการชำระเงินแบบเรียลไทม์จำนวน 9.7 พันล้านครั้ง ในปี 2564 ครองอันดับ 3 ของโลก รองจากอินเดีย (48.6 พันล้านครั้ง) และจีน (18.5 พันล้านครั้ง) ซึ่งการชำระเงินแบบเรียลไทม์นี้ช่วยเพิ่มผลผลิตทางเศรษฐกิจคิดเป็น 2.08% ของ GDP ซึ่งอยู่อันดับที่ 2 จาก 30 ประเทศ ขณะที่ใน ปี 2563 และ 2562 ตัวเลขการทำธุรกรรมอยู่ที่ 5.24 พันล้านครั้ง และ2.57 พันล้านครั้ง ตามลำดับ

การชำระเงินแบบเรียลไทม์ในประเทศมีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมากเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในประชาชนทุกช่วงวัยและผู้ประกอบการทุกขนาด อีกทั้งโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินของประเทศเป็นที่ยอมรับตามมาตรฐานโลก การขับเคลื่อนนโยบายการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (National e-Payment) นับตั้งแต่ปี 2558 ผ่านโครงการ อาทิ โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการ "พร้อมเพย์" (Prompt pay) และ QR Payment โครงการ Government Wallet (G-Wallet) ผ่านแอป "เป๋าตัง" ในโครงการคนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน ชิมช้อปใช้ การขายสลาก เป็นต้น ทั้งนี้ การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ถือเป็นปัจจัยสำคัญของการเพิ่มขึ้นของการทำธุรกรรมแบบเรียลไทม์ด้วย

นางสาวรัชดา กล่าวต่อว่า รัฐบาลมุ่งมั่นขับเคลื่อนนโยบาย National e-Payment อย่างต่อเนื่อง อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและภาคธุรกิจในการทำธุรกรรมทางการเงินและกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ เป็นกลไกสำ คัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน มีส่วนช่วยในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business) รัฐบาลขอบคุณทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานรัฐ ภาคเอกชน สถาบันการเงิน และธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ได้ร่วมมือกันอย่างเต็มที่ และภาครัฐจะยังคงเดินหน้าขยายงานบริการด้วยระบบ e-Payment ให้ครอบคลุมภารกิจต่างๆ มากขึ้น