กระทรวงเกษตรของศรีลังกา ขอให้ชาวนาเร่งปลูกข้าวให้มากขึ้น เพื่อบรรเทาวิกฤตทางเศรษฐกิจครั้งร้ายแรงที่สุดของประเทศในรอบกว่า 70 ปี โดยแนะนำให้ชาวนาเริ่มลงนาทันทีในอีก 5-10 วันข้างหน้า เนื่องจากสถานการณ์ด้านอาหารของประเทศมีแนวโน้มแย่ลงเรื่อยๆ ส่วนอัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นเป็นสถิติใหม่ แตะร้อยละ 39.1 ในเดือนนี้ จากเดิมร้อยละ 29.8 ในเดือนเมษายน
ด้านนางเจ กฤษณะมูรติ คณะกรรมาธิการด้านอาหารของศรีลังกา เปิดเผยว่า ศรีลังกาได้ยื่นคำร้องขอความช่วยเหลือด้านอาหารจากสมาคมเอเชียใต้เพื่อความร่วมมือในภูมิภาค (SAARC) ซึ่งมีประเทศในเอเชียใต้ เช่น อัฟกานิสถาน บังกลาเทศ ภูฏาน อินเดีย มัลดีฟส์ เนปาล ปากีสถาน และศรีลังกา เป็นสมาชิก ซึ่งพร้อมจะให้การช่วยเหลือด้านอาหารและสินค้าสำคัญอื่นๆ แก่บรรดาสมาชิกที่ต้องการขอความช่วยเหลือเร่งด่วน โดยศรีลังกาขอรับบริจาคข้าวเปลือก หรือขอซื้อข้าวเปลือกในราคาถูกกว่าท้องตลาด รวม 1 แสนตัน
ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีรานิล วิกรมสิงเห ของศรีลังกา แนะนำให้ชาวนาหาวิธีการเพิ่มผลผลิตข้าวให้สูงขึ้น พร้อมเตือนว่า ศรีลังกาอาจจะประสบปัญหาขาดแคลนอาหารอย่างรุนแรงในเดือนสิงหาคมนี้
ศรีลังกามีประชากร 22 ล้านคน ประสบวิกฤตหลายๆเรื่อง เช่น การระบาดของโรคโควิด-19 ราคาพลังงานเพิ่มขึ้น อัตราเงินเฟ้อสูง และขาดแคลนเงินตราต่างประเทศ ส่งผลให้ศรีลังกาไม่สามารถนำเข้าสินค้าสำคัญๆ จากต่างแดน เช่น อาหาร ยารักษาโรค และเชื้อเพลิง