xs
xsm
sm
md
lg

นักวิชาการชี้ "ทรู-ดีแทค" ควบรวมกิจการ อาจทำให้ลูกค้าจ่ายค่าบริการแพงขึ้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

วันนี้ (26 พ.ค.) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) โดย นพ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ประธานอนุกรรมการเพื่อศึกษาและวิเคราะห์ กรณีการรวมธุรกิจระหว่างบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค ด้านคุ้มครองผู้บริโภคและสิทธิพลเมือง จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นสาธารณะในวงจำกัด (โฟกัสกรุ๊ป​) กรณีการรวมธุรกิจระหว่างทรูและดีแทค ด้านคุ้มครองผู้บริโภคและสิทธพลเมือง

นายศรันย์ ผโลประการ หัวหน้าฝ่ายงานธุรกิจสัมพันธ์ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส เปิดเผยว่า การควบรวมจะทำให้เกิดผลกระทบ 3 ด้าน ทั้งด้านราคา การบริการ และคุณภาพสัญญาณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านคุณภาพสัญญาณนั้น ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือต้องหมั่นขยายช่องสัญญาณ และตรวจสอบคุณภาพสัญญาณเป็นประจำทุกเดือน หากในพื้นที่ใดผู้ให้บริการไม่ได้ดูแลตรวจสอบคุณภาพอย่างสม่ำเสมอ สัญญาณในบริเวณนั้นที่เคยดีจะใช้งานติดขัด และส่งผลกระทบถึงบริการที่ไม่มีเครือข่ายไร้สายของตัวเอง (MVNO) และบริการแพลตฟอร์มต่างประเทศ (OTT) ทั้งหมดที่ใช้งานอยู่บนโครงข่ายนั้น ผู้ใช้บริการจึงควรมีทางเลือกในการย้ายค่ายไปใช้ค่ายที่สัญญาณดีกว่าในบริเวณนั้น การควบรวมธุรกิจของผู้ให้บริการรายใหญ่ จึงเป็นการลดทางเลือกของผู้ใช้บริการในเรื่องนี้ ถึงแม้จะเพิ่ม MVNO เข้ามาก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้

ขณะที่ นายฉัตร คำแสง ผู้อำนวยการ 101 PUB – 101 Public Policy Think Tank ศูนย์ความรู้นโยบายสาธารณะเพื่อการเปลี่ยนแปลง กล่าวว่า จากการคำนวณดัชนีการกระจุกตัว (HHI) ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดว่าตลาดกระจุกตัวกับผู้ประกอบการรายใหญ่มากขนาดไหน พบว่า ส่วนแบ่งตลาดโทรศัพท์มือถือในปัจจุบัน เอไอเอส 46.8% ทรู 32.5% ดีแทค 17.8% และบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือเอ็นที 2.8% ดังนั้น หลังควบรวมกิจการ ส่วนแบ่งตลาดหลังควบรวมทรู-ดีแทค จะอยู่ที่ 50.4% จากดัชนีการกระจุกตัว HHI ปัจจุบันอยู่ที่ 3,578 จะเพิ่มขึ้น 32.4% เป็น 4,737

ทั้งนี้ ส่วนแบ่งตลาดอินเตอร์เน็ตมือถือปัจจุบัน ดัชนีการกระจุกตัว HHI อยู่ที่ 3,556 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 35.6 เป็น 4,823 แบ่งเป็น เอไอเอส 46.8% ทรู 30.4% ดีแทค 20.8% และเอ็นที 1.9% ซึ่งจะนำผู้ให้บริการ MVNO มาคำนวณร่วมหรือไม่ ผลที่ออกมาไม่แตกต่างกัน เพราะมีผู้ให้บริการเพียง 5 ราย รวม 40,000 เลขหมาย คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 0.03% ทั้งนี้ ไม่นำผู้ให้บริการ OTT มาคำนวณ เพราะแตกต่างจากบริการโทรศัพท์มือถือและอินเตอร์เน็ตมือถือ ที่เป็นโครงสร้างพื้นฐาน และหลังนำแบบจำลองไปคำนวณการควบรวมกิจการ พบว่า ผู้บริโภคต้องจ่ายค่าบริการแพงขึ้น ร้อยละ 7-23 หรือ 5-50 บาทต่อเดือน มากกว่าการประหยัดต้นทุน เฉลี่ยรวมอยู่ที่ประมาณ 220 บาทต่อเลขหมายต่อเดือน