xs
xsm
sm
md
lg

'ศ.ดร.อุทัย'เปรียบ'รสนา'เป็นคนขับรถโดยสารที่โปร่งใส ซื่อสัตย์ ไม่เอาเปรียบผู้โดยสารแน่นอน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



น.ส.รสนา โตสิตระกูล ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) โพสต์เฟซบุ๊กเปิดเผยคำปราศรัยของ ศ.ดร.อุทัย ดุลยเกษม ที่ปรึกษานโยบายด้านการยกระดับคุณภาพการศึกษา ที่ชี้แจงถึงเหตุผลเพื่อสนับสนุนให้เลือก น.ส.รสนา เป็นผู้ว่าฯ กทม. ที่ระบุว่า

"ถ้าจะเปรียบว่า กรุงเทพมหานคร เป็นยานพาหนะ หรือรถโดยสารสาธารณะ คนขับรถคันนี้ จะต้องเป็นผู้ที่ซื่อสัตย์ และมีความมุ่งมั่นในการทำหน้าที่ของตนอย่างตรงไปตรงมาและมีความโปร่งใส เช่น ไม่ปล่อยให้ลูกน้องรถเก็บค่าโดยสารโดยไม่ฉีกตั๋วให้ หรือฉีกตั๋วที่ราคาน้อยกว่าเงินที่เรียกเก็บจากผู้โดยสาร และที่สำคัญคนขับจะต้องไม่ขอให้ปั๊มน้ำมันออกใบเสร็จค่าเติมน้ำมันมากกว่าที่จ่ายจริง หรือไม่ใช่แวะหยุดกลางทางแอบดูดน้ำมันไว้ขาย เป็นต้น

​คุณ ฟูกูโอกะ เคยบอกกับคุณรสนา ว่า ถ้าคุณจะเดินทางให้ไปถึงจุดหมายที่ตั้งใจ คุณต้องขึ้นรถให้ถูกคัน แต่การเลือกรถให้ถูกคันมิได้หมายความเพียงว่าจะเลือกรถคันไหนก็ได้ แต่ต้องเลือกรถที่มีคนขับเป็นคนที่ไว้ใจได้ มีความรับผิดชอบและมีความสัตย์ซื่อต่อผู้โดยสาร จึงจะถูกต้อง

เมื่อเราพิจารณาถึงบรรดาผู้สมัครทั้งหลายอย่างพินิจพิเคราะห์ เราจะเห็นได้ว่า คุณรสนา โตสิตระกูล ผู้สมัครเบอร์ 7 เป็น คนขับ ที่ไว้ใจได้อย่างแน่นอนว่า มีความซื่อสัตย์ โปร่งใส และจะไม่ยอมให้ลูกน้องรถเอาเปรียบผู้โดยสารอย่างเด็ดขาด

นอกนั้น คุณรสนา โตสิตระกูล รู้ดีเกี่ยวกับศักยภาพและข้อจำกัดตลอดจนปัญหาของ กทม. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณรสนา มีอิสระในการขับขี่รถคันนี้อย่างอิสระอย่างแท้จริง โดยไม่จำเป็นต้องเดินตามทิศทางเดิมอย่างชนิดที่คนปักษ์ใต้เรียกว่า 'ช้อนลอยตามเปียก' หรือ 'ลอยตามน้ำ' แต่สามารถตัดสินใจหาทางเลือกเดินทางในแนวทางที่ดีกว่า ปลอดภัยกว่า ประหยัดกว่าและไปถึงจุดหมายได้จริง

การบริหารจัดการองค์กรภาครัฐหรือองค์กรภาคเอกชนสมัยใหม่ที่มีระเบียบกฎเกณฑ์และข้อบังคับต่างๆ มากมาย อันเนื่องมาจากความไม่ไว้วางใจต่อกันของคนทำงาน ไม่สามารถแก้ปัญหาที่สลับซับซ้อนและมีลักษณะผันผวนอย่างรวดเร็วดังที่เกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบันและในอนาคตได้สำเร็จ และที่สำคัญกว่านั้น คือ ผู้บริหารองค์กรเหล่านี้ที่ยึดเอากฎเกณฑ์และระเบียบข้อบังคับต่างๆ เป็นเสมือนมนต์คาถา จะไม่สามารถบริหารจัดการกับการแก้ปัญหาและพัฒนาท้องถิ่นอย่าง กทม.ได้มากนัก ดังเราเห็นอยู่เนืองๆ ว่า เมื่อมีปัญหาที่ยากและซับซ้อนเกิดขึ้นในสังคม ผู้บริหารเหล่านั้นมักจะใช้มาตรการทางกฎหมายมาแก้ปัญหา และที่น่าเศร้ากว่านั้น คือการใช้อำนาจและอาวุธที่ร้ายแรงมาปราบปรามประชาชน

คุณรสนา โตสิตระกูล ตระหนักถึงปัญหานี้อย่างดีจากประสบการณ์ตรงในการทำงานเพื่อแก้ปัญหาในสังคมของเธอเอง ด้วยเหตุดังนั้น คุณรสนา จึงจะนำเอาความรู้และประสบการณ์ในการบริหารจัดการที่เรียกว่า 'การบริหารจัดการทางสังคมและวัฒนธรรม' มาใช้เสริมกับการบริหารจัดการสมัยใหม่

ผมมีความมั่นใจว่า ถ้าผู้มีสิทธิเลือกตั้งผู้ว่า กทม. ในวันที่ 22 พฤษภาคมนี้ ลงคะแนนเลือกคุณรสนา โตสิตระกูล เบอร์ 7 เราจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในหลายด้านที่ดีขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น ประชาชนมีความสุขมากขึ้นเพราะความเครียดลดน้อยลง

และที่สำคัญที่สุด การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นภายใต้การบริหารจัดการของคุณรสนา โตสิตระกูล ในฐานะผู้ว่า กทม. เราจะรู้สึกภูมิใจมากเป็นพิเศษ เพราะผลงานที่เกิดขึ้น เป็นผลงานที่เกิดขึ้นจากการรวมพลังทางความคิด พลังทางสติปัญญา และพลังในการทำงานร่วมกันอย่างเสมอกัน อย่างมีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ของพวกเราชาว กทม.ทุกคน"