นายพิเชษฐ์ เจียมบุรเศรษฐ์ นายกสมาคมกิจการรถโดยสารประจำทางไทย พร้อมด้วยผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทาง เข้าพบนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เพื่อยื่นข้อเสนอให้กรมการขนส่งทางบกพิจารณาทบทวนการนำประกาศกรมการขนส่งทางบกตามมติคณะกรรมการกรมการขนส่งทางบกกลางเมื่อปี 2555 ที่ประกาศใช้โครงสร้างต้นทุนราคาน้ำมันดีเซล เพื่อใช้พิจารณาปรับขึ้นหรือลดอัตราค่าโดยสาร โดยกำหนดว่า หากราคาน้ำมันดีเซลปรับขึ้นถึง 1.12 บาท/ลิตร จะมีการปรับค่าโดยสารขึ้น 1 สตางค์/กิโลเมตร ทั้งนี้ อัตราค่าโดยสารที่กรมการขนส่งทางบกประกาศใช้อยู่ในปัจจุบัน (ประกาศตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย.62) คือ 53 สตางค์/กิโลเมตร/คน ซึ่งราคาน้ำมันดีเซล ณ วันที่ปรับขึ้นอัตราค่าโดยสาร อยู่ที่ลิตรละ 27.79 บาท
ขณะที่ ณ วันนี้ ราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 31.94 บาท ซึ่งเป็นที่ทราบดีว่าราคาน้ำมันดีเซลมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนเเตะถึง 40 บาท/ลิตร ในไม่ช้านี้ ส่งผลให้ผู้ประกอบการขนส่งรถโดยสารประจำทาง แบกรับภาระต้นทุนที่สูงเกินจริงมาอย่างต่อเนื่อง จึงขอเพียงให้ใช้ประกาศโครงสร้างต้นทุนราคาน้ำมันดีเซลดังกล่าวก่อนผู้ประกอบการจะไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ เนื่องจากไม่ได้มีการนำประกาศดังกล่าวมาใช้ในโครงสร้างค่าโดยสารอย่างจริงจัง
นอกจากนี้ กรมการขนส่งทางบกยังเคยว่าจ้างสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ศึกษาถึงต้นทุนในการประกอบการขนส่งที่แท้จริง โดยกำหนดว่าจะมีการนำผลการศึกษาดังกล่าวมาปรับ อัตราค่าโดยสารเพื่อยกระดับให้บริการขนส่งสาธารณะด้วยรถโดยสารประจำทางเป็นที่พึงพอใจของผู้ใช้บริการ และสามารถพัฒนาคุณภาพให้ดียิ่งขึ้นต่อไป ซึ่งบทสรุปจากการศึกษาระบุว่า หากต้องการให้บริการรถโดยสารสาธารณะมีคุณภาพและมาตรฐานดังความคาดหวังของภาครัฐ ต้องมีการปรับอัตราค่าโดยสารเพิ่มขึ้นประมาณ 30-45% แยกตามหมวดการเดินรถ ซึ่งกรมการขนส่งทางบกยังไม่เคยนำผลการศึกษาดังกล่าวมาพิจารณา
ทั้งนี้ หากรัฐบาลไม่มีมาตรการในการช่วยเหลือใดๆ คาดว่าราคาน้ำมันดีเซลอาจจะพุ่งทะยานไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อนำมาเทียบกับโครงสร้างขั้นบันไดของอัตราค่าโดยสารที่กรมการขนส่งประกาศไว้ เมื่อน้ำมันดีเซลปรับขึ้นลิตรละ 1.12 บาท จะต้องปรับอัตรค่าโดยสาร ขึ้น 1 สตางค์/กิโลเมตร นั่นหมายความว่า กรมการขนส่งทางบก โดยคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง ต้องพิจารณาใช้ตารางอัตราค่าโดยสารขึ้นอีกประมาณ 10-15 สตางค์/กิโลเมตร
พร้อมยืนยันว่า การมายื่นข้อเสนอครั้งนี้ไม่ใช่การเรียกร้องให้มีการปรับค่าโดยสารแต่อย่างใด เพียงขอให้กรมการขนส่งทางบกใช้อัตราค่าโดยสารตามโครงสร้างต้นทุนราคาน้ำมันดีเซลตามที่เคยประกาศไว้เท่านั้น โดยให้ข้อมูลด้วยว่าตั้งแต่เดือนธันวาคม 2549 จนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลากว่า 15 ปี เทียบเคียงอัตราค่าโดยสารค่าโดยสารโดยรวมแล้วกลับลดลง 1 สตางค์/กิโลเมตร ทั้งๆ ที่องค์ประกอบต่างๆ ของต้นทุนในการเดินรถมีการปรับเพิ่มสูงขึ้นตลอดมา