นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ผลการเลือกตั้งของฟิลิปปินส์ คือปรากฏการณ์ของคนลืมง่าย เจ็บแล้วไม่จำ
ผลการนับคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ล่าสุด ปรากฏว่า บองบอง มาร์กอส จูเนียร์ วัย 64 ปี ลูกชายของอดีตประธานาธิบดี เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ผู้นำทรราชย์ จอมเผด็จการของฟิลิปปินส์ มีคะแนนนำโด่งคาดว่าจะชนะการเลือกตั้งแบบถล่มทลาย ชนะคู่แข่งทิ้งห่างแบบไม่เห็นฝุ่น ก็ต้องแสดงความยินดีกับผู้ได้รับเลือกตั้งในครั้งนี้ด้วย
ในช่วงรณรงค์แคมเปญหาเสียงที่ผ่านมา มาร์กอสจูเนียร์ ไม่ได้ประกาศนโยบายที่ชัดเจน และเป็นรูปธรรมออกมา แต่ระบุว่าจะคงนโยบายเก่าของประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต เอาไว้ ทำให้คาดว่าหากเขาได้รับชัยชนะนโยบายในด้านต่างๆ จะไม่ต่างจากรัฐบาลที่ผ่านมามากนัก และคงประเมินกระแสแล้วว่า คนพิลิปปินส์นิยมชื่นชอบการทำงานแบบ ดูเตอร์เต
ผมเคยมีส่วนร่วมในการรณรงค์ขับไล่ประธานาธิบดี เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส เมื่อปี 2526-2527 ช่วงที่ผมเป็นนายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง และเป็นกรรมการสหพันธ์นักศึกษาเอเซีย (ASA) และเลขาธิการองค์การนักศึกษานานาชาติ ได้เป็นตัวแทนขบวนการนักศึกษาไทย ร่วมกับขบวนการนักศึกษาในประเทศฟิลิปปินส์ เดินขบวนขับไล่ประธานาธิบดี เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ทุกวันศุกร์ด้วยการสวมเสื้อสีเหลืองกันทั้งประเทศ หรือที่เรียกกันว่า yellow Friday ในช่วงที่นายเบนิโญ นินอย อาคิโน ผู้นำฝ่ายค้าน ถูกลอบสังหารที่สนามบินนานาชาติในกรุงมะนิลา เมื่อปี 1983 ทำให้นักศึกษาและประชาชนลุกฮือ ขึ้นมาต่อต้านระบอบเผด็จการทั่วทั้งประเทศ จนในที่สุดพลังของประชาชน ก็สามารถเอาชนะโค่นล้มเผด็จการลงได้
แต่ในวันนี้ลูกชายของจอมเผด็จการเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส คือ มาร์กอส จูเนียร์ หรือ บองบอง ได้รับการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงอย่างถล่มทลาย จึงทำให้รู้สึกแปลกใจว่า ห้วงระยะเวลาที่ผ่านไปประมาณ 30 ปี ทำไมประชาชนคนฟิลิปปินส์จึงลืมความเจ็บปวดภายใต้การปกครองประเทศของจอมเผด็จการไปได้ กลับมาสนับสนุนทายาทของเผด็จการที่เคยกดขี่ ข่มเหงประชาชนไปได้ ซึ่งไม่ต่างอะไรกับอีกหลายประเทศ ที่ประชาชนเป็นคนลืมง่าย เจ็บแล้วไม่จำ เช่นเดียวกับประชาชนคนไทยส่วนหนึ่ง ที่ไม่เคยเข็ดหลาบกับเผด็จการทหาร และไม่เคยเข็ดหลาบกับเผด็จการทุนสามานย์ ทำตัวเป็นคนไม่มีอดีต ไม่คิดถึงอนาคต ตัดสินใจเอาเฉพาะประโยชน์เฉพาะหน้าในปัจจุบันเท่านั้น บทเรียนและพฤติกรรมเช่นนี้กำลังเกิดขึ้นในหลายประเทศบนโลกใบนี้
ผมในฐานะนักการเมืองที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยคนหนึ่ง โดยหลักการประชาธิปไตย เมื่อประชาชนส่วนใหญ่ เลือกบุคคลใดเป็นผู้บริหารประเทศ ก็ต้องยอมรับและเคารพในมติของประชาชน เพราะเสียงประชาชน คือเสียงสวรรค์