วันนี้ (6 พ.ค.) เวลา 10.00 น.ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ศูนย์ราชการฯ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย และนายสุรสิทธิ์ มุทุสาหิม ตัวแทนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเทศบาลตำบลนาหนรองไผ่ จ.สุริทนร์ เดินทางมายื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อทวงถามผลการวินิจฉัย กรณีได้ร้องเรียนว่ามีผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลนาหนองไผ่ อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ เป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามตาม ม.50(8) แห่ง พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น 2562 หรือไม่นั้น
ทั้งนี้ เนื่องจากความปรากฏว่า มีผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรี ทต.นาหนองไผ่รายหนึ่ง ที่เป็นอดีตกำนัน และอดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 8 ได้กระทำความผิดวินัย และจังหวัดสุรินทร์ ได้มีคำสั่งให้ออกจากตำแหน่งมานานแล้ว อันเนื่องจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ (ป.ป.ป.) ในสมัยนั้น ได้พิจารณาและมีมติว่า บุคคลดังกล่าวได้กระทำความผิดโดยอาศัยตำแหน่งหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบกับกิจการขององค์การบริหารส่วนตำบลนาหนองไผ่ โดย ป.ป.ป. ได้ลงมติในเรื่องดังกล่าวให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ในฐานะผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัย ตาม ม.19 แห่ง พรบ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ 2518 และฉบับที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2530 ในสมัยนั้น
ดังนั้นเมื่อบุคคลดังกล่าว เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ เพราะทุจริตต่อหน้าที่หรือ ถือว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ จึงถือได้ว่าเป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามตาม ม.50(8) แห่ง พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น 2562 ที่บัญญัติไว้ความว่า “บุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง คือ เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริตต่อหน้าที่หรือ ถือว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ”
บัดนี้ระยะเวลาล่วงผ่านมากว่า 1 ปีเกินกว่าระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดแล้ว สมาคมฯและตัวแทนชาวบ้านในพื้นที่ จึงเดินทางมาติดตามทวงถามผลการวินิจฉัยในกรณีตามคำร้องดังกล่าวว่ามีผลเป็นเช่นใดหรืออย่างไร
ทั้งนี้ เชื่อว่า กกต.น่าจะมีคำตอบให้ได้ภายใน 30 วัน ตาม พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง 2539 แต่หากยังเพิกเฉยสมาคมฯจะนำความไปฟ้องศาลเอาผิด กกต.ต่อไป