นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. กล่าวถึงกรณีที่ผู้ก่อเหตุเป็นชายไทย อายุ 34 ปี ขี่รถจักรยานยนต์และพกอาวุธบุกรุกเข้าไปในพื้นที่หวงห้ามภายในเขตการบิน ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อเวลาประมาณ 11.50 น. วันที่ 3 พฤษภาคม 2565 ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้ในเวลา 12.03 น. และนำส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะจับกุมบุคคลดังกล่าวยังมีอาการมึนเมาจากการเสพยาเสพติด เจ้าหน้าที่สามารถยึดของกลางเป็นสิ่งเทียมอาวุธปืนสั้น และของมีคม (ขวานเหล็ก, กรรไกร) พร้อมยาบ้า 1 เม็ด ว่า นอกจากผู้ก่อเหตุจะถูกดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกเข้าไปในเขตพื้นที่หวงห้ามภายในท่าอากาศยานแล้ว จะต้องถูกดำเนินคดีจากข้อหากระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ.2558 ตามมาตรา 19 ด้วยข้อหาใช้อาวุธ หรือวัสดุอื่นใดกระทำการอันอาจเป็นอันตราย หรือน่าจะเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของท่าอากาศยานบุกรุก มีระวางโทษหนักอาจถึงประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบห้าปี ถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หกแสนบาท ถึงแปดแสนบาท
นอกจากนี้ ยังมีความผิดในการทำลายทรัพย์สินของท่าอากาศยานจนได้รับความเสียหาย รวมทั้งมีความผิดเนื่องจากเสพและมียาเสพติดไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายอีกด้วย
จากเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้มีทรัพย์สินส่วนหนึ่งของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้รับความเสียหาย โดยตรวจพบประตูกระจกตรงช่องทางเข้าอาคารเทียบเครื่องบิน แตกเสียหาย จำนวน 2 บาน เนื่องจากผู้บุกรุกได้ใช้อาวุธทุบประตูกระจกเพื่อพยายามหลบหนีเข้าไปในอาคาร แต่ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสกัดจับได้เสียก่อน
อย่างไรก็ตาม นายกิตติพงศ์ จะจัดการแถลงข่าวพร้อมชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีมีผู้บุกรุกเข้าพื้นที่เขตการบิน ในวันนี้ (4 พ.ค.) เวลา 10.30 น. บริเวณหน้าห้องศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน (EOC) ประตู 8 ชั้น 3 อาคารผู้โดยสาร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ