นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์ประชาสัมพันธ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่การรถไฟฯ ได้เปิดรับฟังความเห็นของประชาชนเพื่อนำมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการเดินรถนั้น ล่าสุดการรถไฟฯ มีความพร้อมในการเปิดเดินรถเพื่ออำนวยความสะดวกการเดินทางให้แก่ประชาชนเพิ่มในหลายเส้นทาง ประกอบด้วย การเพิ่มขบวนรถเชิงพาณิชย์ (รถทางไกล) เส้นทางสายเหนือ สายตะวันออกเฉียงเหนือ และสายใต้ จำนวน 6 ขบวน การขยายปลายทางขบวนรถบริการเชิงสังคม (รถระยะสั้น) อีก 4 ขบวน ซึ่งสามารถรองรับการเดินทางของผู้โดยสารที่จะมีมากขึ้นทั้งในเขตเมือง ระหว่างเมือง และทางไกล เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นไป ดังนี้
สายเหนือ จำนวน 2 ขบวน
- ขบวนรถด่วนที่ 51 กรุงเทพ – เชียงใหม่ เปิดให้บริการวันที่ 1 พฤษภาคม 2565
- ขบวนรถด่วนที่ 52 เชียงใหม่ – กรุงเทพ เปิดให้บริการวันที่ 2 พฤษภาคม 2565
สายตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 2 ขบวน
- ขบวนรถเร็วที่ 141 กรุงเทพ – อุบลราชธานี เริ่มให้บริการวันที่ 1 พฤษภาคม 2565
- ขบวนรถเร็วที่ 142 อุบลราชธานี – กรุงเทพ เริ่มให้บริการวันที่ 2 พฤษภาคม 2565
สายใต้ จำนวน 2 ขบวน
- ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 37 กรุงเทพ – สุไหงโกลก เริ่มให้บริการวันที่ 12 พฤษภาคม 2565
- ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 38 สุไหงโกลก – กรุงเทพ เริ่มให้บริการวันที่ 13 พฤษภาคม 2565
ขบวนรถที่ขยายสถานีต้นทาง/ปลายทาง จำนวน 4 ขบวน
- ขบวนรถธรรมที่ 233 ขยายต้นทางปลายทางเป็น กรุงเทพ – สุรินทร์ – กรุงเทพ เริ่มให้บริการวันที่ 1 พฤษภาคม 2565
- ขบวนรถธรรมที่ 234 ขยายต้นทางปลายทางเป็น กรุงเทพ – สุรินทร์ – กรุงเทพ เริ่มให้บริการวันที่ 2 พฤษภาคม 2565
- ขบวนรถชานเมืองที่ 379 ขยายต้นทางปลายทางเป็น กรุงเทพ – ฉะเชิงเทรา เริ่มให้บริการวันที่ 16 พฤษภาคม 2565
- ขบวนรถชานเมืองที่ 380 ขยายต้นทางปลายทางเป็น ฉะเชิงเทรา – กรุงเทพ เริ่มให้บริการวันที่ 17 พฤษภาคม 2565
นายเอกรัช กล่าวเพิ่มว่า การรถไฟฯ ยังมีแผนทยอยปรับเพิ่มการเดินรถให้สอดรับกับความต้องการเดินทางของประชาชนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากรวมขบวนรถที่จะเปิดให้บริการอีก 6 ขบวน ในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ จะทำให้มีขบวนรถที่เปิดให้บริการทั้งสิ้น 194 ขบวนต่อวัน แบ่งเป็นขบวนรถเชิงพาณิชย์ 54 ขบวน ขบวนรถเชิงสังคมเปิดให้บริการ 140 ขบวน และแบ่งตามเส้นทางได้เป็นสายเหนือ 36 ขบวน สายตะวันออกเฉียงเหนือ 46 ขบวน สายใต้ 50 ขบวน สายตะวันออก 24 ขบวน สายมหาชัย 34 ขบวน และสายแม่กลอง 4 ขบวน
นอกจากนี้ การรถไฟฯ ยังมีแผนทยอยปรับเพิ่มการเดินรถอย่างต่อเนื่อง ให้สอดรับกับความต้องการเดินทางของประชาชนที่มีมากขึ้นในอนาคต โดยอยู่ระหว่างเสนอสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เพื่อดำเนินการจัดหาหัวรถจักรและตู้โดยสารใหม่ ตลอดจนให้ฝ่ายการช่างกลเร่งปรับปรุงหัวรถจักร และตู้โดยสาร เพื่อนำมาเปิดให้บริการแก่ประชาชนได้อย่างเพียงพอ
สำหรับการปรับเพิ่มขบวนรถในครั้งนี้ การรถไฟฯ ยังให้ความสำคัญต่อมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด–19 ตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม และกระทรวงสาธารณสุขควบคู่กัน โดยได้กำหนดจุดคัดกรองวัดไข้ผู้โดยสารก่อนเข้าในพื้นที่สถานี การตั้งจุดบริการแอลกอฮอล์ล้างมือ การให้สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา พร้อมกับให้สแกนแอพพลิเคชันไทยชนะก่อนและหลังใช้บริการ หากผู้โดยสารไม่สามารถใช้แอพพลิเคชันไทยชนะ ให้กรอกข้อมูลการเดินทางแทน โดยผู้ที่ต้องการเดินทาง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือเฟซบุ๊กแฟนเพจทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย