นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบรายงานตามที่กรมอนามัย รายงานผลการสำรวจอนามัยโพลเรื่อง “พฤติกรรมการป้องกันโรคและความกังวลต่อการฉีดวัคซีนของกลุ่มผู้สูงอายุ” ระหว่างวันที่ 1-21 เมษายน 2565 พบว่า ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ได้รับวัคซีนและฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นครบแล้ว ร้อยละ 88.20 และผู้สูงอายุที่ยังไม่แน่ใจที่จะฉีดวัคซีน หรือคิดว่าจะไม่ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ร้อยละ 11.80 ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ผู้สูงอายุฉีดวัคซีนไม่ครบ หรือยังไม่ได้ฉีดวัคซีนคือ กลัวผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน ร้อยละ 37.99 รองลงมาคิดว่าฉีดวัคซีน 1-2 เข็ม เพียงพอแล้ว ร้อยละ 19.44 และอยากศึกษาข้อมูลให้แน่ใจก่อนฉีดวัคซีน ร้อยละ 10.51
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งรณรงค์ให้บุตรหลานพาผู้สูงอายุไปฉีดวัคซีนให้ครบโดส เพื่อลดอาการเจ็บป่วย ลดการป้องกันอาการรุนแรง แม้การฉีดวัคซีนอาจเกิดผลข้างเคียงได้ แต่การฉีดวัคซีนมีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงต่อการเกิดอาการข้างเคียงอย่างมาก พร้อมทั้งเน้นย้ำให้ผู้สูงอายุปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขอย่างต่อเนื่อง และเข้มข้นสูงสุด เพื่อป้องกันโควิด-19 ยึดหลัก DMHTT คือ เว้นระยะห่าง สวมหน้ากาก ล้างมือบ่อย ๆ ตรวจวัดอุณหภูมิ และตรวจเชื้อโควิด-19 และส่งเสริมสุขภาพให้แข็งแรงสม่ำเสมอ โดยกินอาหารที่สะอาด ถูกสุขลักษณะ อนามัย หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งรณรงค์ให้บุตรหลานพาผู้สูงอายุไปฉีดวัคซีนให้ครบโดส เพื่อลดอาการเจ็บป่วย ลดการป้องกันอาการรุนแรง แม้การฉีดวัคซีนอาจเกิดผลข้างเคียงได้ แต่การฉีดวัคซีนมีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงต่อการเกิดอาการข้างเคียงอย่างมาก พร้อมทั้งเน้นย้ำให้ผู้สูงอายุปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขอย่างต่อเนื่อง และเข้มข้นสูงสุด เพื่อป้องกันโควิด-19 ยึดหลัก DMHTT คือ เว้นระยะห่าง สวมหน้ากาก ล้างมือบ่อย ๆ ตรวจวัดอุณหภูมิ และตรวจเชื้อโควิด-19 และส่งเสริมสุขภาพให้แข็งแรงสม่ำเสมอ โดยกินอาหารที่สะอาด ถูกสุขลักษณะ อนามัย หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ