ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หรือ หมอยง หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก “Yong Poovorawan” หัวเรื่อง โควิด 19 วัคซีน ยังไม่มีวัคซีนจำเพาะสายพันธุ์ใหม่ แต่แนวโน้มพัฒนายารักษาเพิ่มขึ้น โดยมีเนื้อหาว่า วัคซีน covid 19 ในปัจจุบัน เป็นที่ยอมรับว่าลดความรุนแรงของโรคได้การพัฒนาวัคซีนต้องใช้เวลานาน ในยามปกติจะคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุด วัคซีนจะให้กับคนที่แข็งแรง ปกติถ้ามีอาการข้างเคียงที่รุนแรง ยอมรับไม่ได้ ในภาวะฉุกเฉิน โรคระบาดที่มีความรุนแรง การพัฒนาวัคซีนอย่างรวดเร็ว เร่งรีบ เพื่อเอาชนะกับการระบาดของโรค ที่มีความรุนแรง และมีการใช้ในยามฉุกเฉิน เมื่อโรคสงบ หรือลดความรุนแรงลง การพัฒนาวัคซีนจะคำนึง ถึงความปลอดภัยมากขึ้นการศึกษาประสิทธิภาพของวัคซีน จะต้องใช้อาสาสมัครหลายหมื่นคน ให้และไม่ให้วัคซีน เปรียบเทียบกัน ตรงข้ามกับการพัฒนายาใช้รักษาผู้ป่วย ผู้ป่วยมีอาการเจ็บป่วย ทนทุกข์ทรมานอยู่แล้ว การศึกษาประสิทธิภาพของยาให้จำเพาะกับผู้ป่วย ใช้จำนวนผู้ป่วยไม่มาก ในการเปรียบเทียบจะเป็นหลักร้อยหรือหลักพันต้นๆ เท่านั้น การศึกษาทางคลินิกจะลงทุนน้อยกว่ามาก
หมอยง ระบุถึงสาเหตุว่า เพราะการทำวิจัยและพัฒนา ระยะที่ 3 ต้องใช้อาสาสมัครแข็งแรงดี จำนวนมาก เป็นการลงทุนที่สูงมากและโรคมีแนวโน้มความรุนแรงลดลง จึงมีแนวโน้มที่จะหันไปพัฒนายากันมากขึ้น ประเทศไทยพัฒนาวัคซีนไข้หวัดใหญ่ของเราเอง ตั้งแต่มีการระบาดของไข้หวัดใหญ่ 2009 มาจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีวัคซีนไข้หวัดใหญ่สัญชาติไทยที่ได้ใช้
หมอยง ระบุถึงสาเหตุว่า เพราะการทำวิจัยและพัฒนา ระยะที่ 3 ต้องใช้อาสาสมัครแข็งแรงดี จำนวนมาก เป็นการลงทุนที่สูงมากและโรคมีแนวโน้มความรุนแรงลดลง จึงมีแนวโน้มที่จะหันไปพัฒนายากันมากขึ้น ประเทศไทยพัฒนาวัคซีนไข้หวัดใหญ่ของเราเอง ตั้งแต่มีการระบาดของไข้หวัดใหญ่ 2009 มาจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีวัคซีนไข้หวัดใหญ่สัญชาติไทยที่ได้ใช้