นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. ที่จะมีขึ้นต้นเดือนพฤษภาคมนี้ จะมีการประเมินสถานการณ์ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ที่จะมีผลต่อความต้องการสินค้าของโลก การผลิต และราคาน้ำมันการขนส่งโลจิสติกส์ โดยเฉพาะการลอยตัวราคาน้ำมันดีเซลตั้งแต่เดือนพฤษภาคม เป็นต้นไปนั้น หากราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงสูงขึ้น อาจทำให้ราคาน้ำมันดีเซลในประเทศเฉลี่ยอยู่ที่ลิตรละ 35-36 บาท
ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์ของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย พบว่า หากน้ำมันดีเซลมีการขยับราคาขึ้นร้อยละ 10 ธุรกิจจะยังสามารถประคองตัวตรึงราคาต่อไปได้อีกประมาณ 3 เดือน และเมื่อราคาขยับเข้าใกล้ 35 บาท อาจจะเริ่มเตรียมตัวปรับขึ้นราคาสินค้า ดังนั้น ภาครัฐต้องเร่งออกมาตรการเฉพาะหน้าทั้งระยะสั้นและระยะยาวสำหรับการรับมือในสถานการณ์ครั้งนี้
นายสนั่น กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ ยังมีในส่วนของค่ากระแสไฟฟ้าซึ่งถือเป็นหนึ่งในต้นทุนหลักในการผลิตสินค้าและบริการของภาคเอกชน โดยผู้ประกอบการทุกขนาดได้รับผลกระทบเหมือนกัน มากบ้าง น้อยบ้าง แล้วแต่ปริมาณการใช้ ซึ่งในส่วนที่ไม่สามารถแบกรับภาระได้ ผู้ประกอบการอาจจำเป็นต้องปรับค่าบริการหรือราคาสินค้า ผลักภาระไปที่ผู้บริโภคบางส่วน