นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ระบุว่า อภัยโทษสุดซอย VS นักโทษล้นคุก
ผมเห็นคนพูดไม่รู้จริง เพราะไม่เคยลิ้มรสคุก จึงพูดอยู่บนหอคอยงาช้าง หากอยากรู้ว่าอาหารอร่อยแค่ไหน ถ้าไม่ได้ลองลิ้มชิมรส จะไปวิพากษ์วิจารณ์ลึกซึ้งได้อย่างไร?
ดังนั้นแค่เดินไปตรวจคุกโชว์ กรมราชทัณฑ์เขาก็จัดให้ดูแต่ “ของดี” อยู่ไม่ถึง 10 นาที ก็เผ่นหนีกลับบ้านเสียแล้ว
จะไปเข้าใจแก้กฎหมาย อะไรได้ ?
“การอภัยโทษ” ถือเป็นความหวังสูงสุดของคนคุก และให้เฉพาะนักโทษที่มีความผิดเป็นครั้งแรกเท่านั้น
นี่คือหัวใจ ผู้กระทำความผิดซ้ำซาก ไม่มีสิทธิ์ได้ครับท่าน เพราะการอภัยโทษถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ที่ให้แก่นักโทษเพื่อให้กลับตัวเป็นคนดีคืนสู่สังคม อันเป็นกุศโลบายที่มีมาแต่อดีต
เมื่อเกิดเป็นมนุษย์ปุถุชน ทุกคนล้วนย่อมผิดพลาดกันได้ทั้งนั้น สักครั้งในชีวิต ส่วนคนที่ไม่สำนึก กลับทำผิดซ้ำอีกก็ช่วยไม่ได้ ติดยาวๆ ไปเลย ไม่มีใครว่า
พวกคดีความผิดตามบัญชีแนบท้าย เช่น คดีความผิดต่อชีวิตก็ไม่ใช่ได้เลย มีเงื่อนไข ทั้งชั้นนักโทษ ทั้งระยะเวลาที่ต้องติดเป็นอย่างต่ำอยู่แล้วถึงจะไต่ขึ้นชั้นได้ และอื่นๆ อีกมาก เช่นต้องอบรมบ่มนิสัย สารพัด ช่วยศึกษาให้ถ่องแท้ก่อนมาออกความเห็นต่อสังคมเถอะ พ่อคนเก่ง บรรดา ส.ว. ลากตั้งมา
รู้น้อยแต่รู้จริงไม่ว่า แต่กลัวพวกรู้ครึ่งๆ กลางๆ แต่ดันทำตัวอวดรู้มาก
มันไม่แน่หรอกครับ เรื่องคุกเรื่องตะราง ไม่เห็นมีใครรู้ตัว วันหนึ่งอาจได้เข้าไปเสียเอง แล้วจะรู้ว่านรกมีจริง ร้องหาอภัยโทษทุกวี่ทุกวัน
ยิ่งพวกคดีโทษทางการเมือง เดี๋ยวนี้ติดคุกกันง่ายๆ อย่าได้ล้อเล่นเชียว
วันนี้อยู่สภา วันหน้าไปอยู่คลองเปรม
อาจถึงคิวเมื่อไหร่ ใครจะรู้ ? นักโทษความผิดครั้งแรก กับนักโทษที่ทำผิดซ้ำซาก จึงต้องเข้าใจว่ามันมีผลต่างกันมากอยู่แล้ว
หากอยากให้ติด 1 ใน 3 เป็นอย่างน้อยถึงจะเข้าเกณฑ์อภัยโทษสำหรับนักโทษทุกคน ก็ควรเตรียมขยายคุกรอได้เลย นักโทษจะล้นคุกขนาดต้องผูกเปลนอนกับลูกกรงเลยครับ