xs
xsm
sm
md
lg

ชลบุรีพบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ 1,034 ราย เสียชีวิต 2 ราย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรีรายงานสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันที่ 14 เมษายน 2565 วันนี้มีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,034 ราย (ผู้ติดเชื้อยืนยัน RT-PCR) และมีผู้เสียชีวิต 2 ราย โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. คนที่พักอาศัยในจังหวัดระยอง เข้ามารักษาในจังหวัดชลบุรี 105 ราย สะสม 5,868 ราย และจังหวัดอื่นๆ รวมสะสม 1,662 ราย

2. CLUSTER บริษัท เอสซีลอร์ ออพติคอล แลบอราทอรี (ประเทศไทย) จำกัด อ.พานทอง 6 ราย สะสม 24 ราย

3. อาชีพเสี่ยงพบปะผู้คนจำนวนมาก 38 ราย

4. บุคลากรทางการแพทย์ 24 ราย

5. ให้ประวัติเดินทางมาจากต่างจังหวัด 3 ราย ดังนี้
5.1 จังหวัดตราด 1 ราย
5.2 จังหวัดตาก 1 ราย
5.3 จังหวัดบุรีรัมย์ 1 ราย

6. สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน
6.1 ในครอบครัว 249 ราย
6.2 จากสถานที่ทำงาน 82 ราย
6.3 บุคคลใกล้ชิด 58 ราย
6.4 ร่วมวงสังสรรค์ 1 ราย

7. สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน (อยู่ระหว่างสอบสวนโรค) 32 ราย

8. อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค 436 ราย

ณ วันที่ 14 เมษายน 2565 จังหวัดชลบุรี มีผู้ฉีดวัคซีนครบ 3 เข็ม 977,214 คน ซึ่งในเดือนนี้ มีผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 3 เข็มแล้ว ติดเชื้อ 5,961 คน (อัตราป่วย 610.00 ต่อแสนประชากร) เสียชีวิต 4 ราย (0.41 ต่อแสนประชากร) ใส่ท่อหายใจ 5 ราย (0.51 ต่อแสนประชากร) ปอดอักเสบ 15 ราย (1.53 ต่อแสนประชากร)

มีผู้ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม 1,914,746 คน ซึ่งในเดือนนี้ มีผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว ติดเชื้อ 4,457 คน (อัตราป่วย 232.77 ต่อแสนประชากร) เสียชีวิต 13 ราย (0.68 ต่อแสนประชากร), ใส่ท่อหายใจ 20 ราย (1.14 ต่อแสนประชากร), ปอดอักเสบ 19 ราย (0.99 ต่อแสนประชากร)

ส่วนผู้ที่ฉีดวัคซีนเพียง 1 เข็ม 144,161 คน และไม่ได้ฉีดวัคซีนอีก 270,166 คน รวม 414,327 คน ในเดือนนี้พบผู้ติดเชื้อที่ฉีดวัคซีนไม่ครบและยังไม่ได้ฉีดวัคซีน 6,587 คน (อัตราป่วย 1589.81 ต่อแสนประชากร), เสียชีวิต 34 ราย (8.21 ต่อแสนประชากร), ใส่ท่อหายใจ 21 ราย (5.07 ต่อแสนประชากร) , ปอดอักเสบ 40 ราย (9.65 ต่อแสนประชากร)

วันนี้พบผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจรายใหม่ 3ราย
(รายที่หนึ่งพบประวัติการรับวัคซีนสองเข็มเมื่อวันที่ 27 ต.ค. 2564,
(รายที่สองพบประวัติการรับวัคซีนหนึ่งเข็มเมื่อวันที่ 13 ส.ค. 2564,
รายที่สามไม่พบประวัติการรับวัคซีน),
ผู้ป่วยปอดอักเสบรายใหม่ 9 ราย
(รายที่หนึ่งพบประวัติการรับวัคซีนสามเข็มเมื่อวันที่ 5 ม.ค. 2565,
รายที่สองพบประวัติการรับวัคซีนสองเข็มเมื่อวันที่ 3 ก.ย. 2564,
รายที่สามพบประวัติการรับวัคซีนสองเข็มเมื่อวันที่ 20 ก.ย. 2564,
และอีกหกรายไม่พบประวัติการรับวัคซีน),
ผู้เสียชีวิตรายใหม่ 2 ราย (รายที่หนึ่งอายุ 60 ปี, รายที่สองอายุ 73 ปี) สาเหตุที่นำไปสู่การเสียชีวิตคือ เป็นผู้สูงอายุ (ไม่พบประวัติการรับวัคซีนทั้งสองราย)
ดังนั้นการฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์กล่าวคือต้องได้รับการกระตุ้นภูมิคุ้มกันด้วยการฉีดเข็มที่สาม จะช่วยลดความรุนแรงของโควิด-19 ผู้ที่อาศัยในจังหวัดชลบุรี ควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว หญิงตั้งครรภ์ เนื่องจากผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ยังยังไม่ได้ฉีดวัคซีน หรือฉีดวัคซีนไม่ครบ มีโอกาสที่จะมีอาการรุนแรงมากกว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ ซึ่งนำไปสู่การเสียชีวิตจากโรคโควิด 19 และกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว หญิงตั้งครรภ์ จะมีอาการมากกว่ากลุ่มอื่น

ขณะนี้มีการระบาดเป็นวงกว้างทั้งจังหวัดชลบุรี

ร้านอาหารจำหน่ายสแอลกอฮอล์ ต้องคัดกรองลูกค้าด้วย ATK ทุกคน

ขณะนี้เริ่มมีการระบาดในสถานประกอบการจำนวนมาก พนักงานต้องได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์และเคร่งครัดในมาตรการองค์กร
1. เลิกงานไม่สังสรรค์
2. อาหารต้องไม่ทานใกล้ชิดด้วย
3. ป่วยต้องหยุด
4. จุดสัมผัสร่วม ต้องทำความสะอาดบ่อยๆ เช่น ลูกบิด ราวบันได สแกนนิ้วมือ เซ็นชื่อแล้วต้องล้างมือทันที
5. เคร่งครัดในสุขอนามัยส่วนบุคคล ใส่แมสก์ตลอดเวลา ล้างมือบ่อยๆ อยู่ห่างๆกัน

สำหรับผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ต้องมีการกักตัวอย่างเข้มงวด ไม่ออกไปแพร่เชื้อ

การควบคุมป้องกันการระบาดของโควิด-19 ในจังหวัดชลบุรี อยู่บนพื้นฐานของสมดุลระหว่าง การควบคุมโรค เศรษฐกิจ สังคม

ปัจจัยความเร็วในการแพร่ระบาดของโควิด-19 ขึ้นกับการเคลื่อนที่นอกบ้านของประชาชน ความใกล้ชิดกัน รวมทั้งระยะเวลาในการใกล้ขิดกัน นอกเหนือจากการไม่เคร่งครัดในสุขอนามัยส่วนบุคคล หากไม่ล้างมือก่อนจับหน้า เชื้อเข้าทางจมูก ปากตา ทำให้มีการติดเชื้อและแพร่ระบาดได้

ในสภาวะการณ์ที่โควิด-19 มีการระบาดในวงกว้าง จนอาจกลายเป็นโรคประจำถิ่น เชื้อไม่ได้หมดสิ่นไป ทำให้มีโอกาสในการติดเชื้อได้ แต่ต้องไม่ให้เกิดการระบาดจนระบบสาธารณสุขรองไม่ได้ และต้องไม่เสียชีวิต ดังนั้นจึงขอความร่วมมือทุกภาคส่วนปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคของจังหวัดชลบุรี

ค้นให้ตรงเป้า เฝ้าให้ตรงจุด ร่วมใจฉีดวัคซีน สู่โรคประจำถิ่น

1.ค้นให้ตรงเป้า ผู้ที่มีอาการไข้หวัด ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ผู้ที่ได้วัคซีนไม่ครบ มีโอกาสเสี่ยงต่อความรุนแรงมากกว่ากลุ่มอื่นๆ ต้องได้รับการตรวจคัดกรองด้วย ATK

2.เฝ้าให้ตรงจุด สถานที่ที่มีกลุ่มเปาะบาง เสี่ยงค่อความรุนแรงหรือเสี่ยงต่อการควบคุมการระบาดได้ยาก หากเกิดการระบาดขึ้น ต้องได้รับการคัดกรองด้วยATK สม่ำเสมอ เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน สถานพักพิงคนพิการ ร้านอาหารจำหน่ายแอลกอฮอล์ ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่เป็นผู้สูงอายุ หรือมีโรคประจำตัว

3.ร่วมใจฉีดวัคซีน วัคซีนลดความรุนแรงของโควิด-19 ได้ 100% แต่ผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้ว ยังคงสามารถติดเชื้อโควิด-19 ได้ ยังคงต้องมีสุขอนามมัยส่วนบุคคล ขอความร่วมมือทุกท่านในการฉีดวัคซีน เพื่อลดความเร็วในการระบาด และลดความรุนแรงของโควิด-19 โดยเฉพาะผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประตำตัว ขณะนี้ยังคงมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัว และเป็นผู้ที่ไม่ฉีดวัคซีน

4.สู่โรคประจำถิ่น เชื้อโควิด-19 ได้ลดความรุนแรงลง และเข้าเป็นโรคประจำถิ่น ในที่สุด ทุกคนป้องกันตัวเองตามมาตรการ univeral protection ยังคงเคร่งครัดในสุขอนามัยส่วนบุคคล โดยเฉพาะช่วงที่กำลังมีการระบาดในวงกว้าง เพื่อชลอการระบาดไม่ให้รวดเร็วเกินไป ให้ดำเนินการตามมาตรการ คัดการด้วย ATK ก่อน และสามารถแยกกักที่บ้านได้หากไม่มีอาการและไม่เป็นกลุ่มผู้สูงอายุหรือมีโรคประจำตัวที่เสี่ยงต่อความรุนแรงมากกว่ากลุ่มอื่นๆ

การควบคุมป้องกันการระบาดของโควิด-19 เป็นหน้าที่ของทุกคน