เพจประชาสัมพันธ์กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โพสต์ระบุว่า การดูแล "น้องขวัญ" ลูกเสือโคร่ง เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวากและศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก
8 เมษายน 65 นายสุรศักดิ์ อนุเมธางกูร หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวากและศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก เปิดเผยว่า จากรายงานการดูแลลูกเสือโคร่ง เพศเมีย ชื่อ ‘ขวัญ’ โดยรวมอาการเริ่มดีขึ้นกว่าเมื่อวาน ยังมีน้ำมูกเล็กน้อย มีอาการจามในบางช่วง ไม่มีไข้ พบว่าบริเวณเงือก ลิ้น และช่องปาก เริ่มมีสีชมพูอ่อน
ลูกเสือโคร่งกินนมเก่ง โดยกินนมได้ปริมาณ 6-10 ออนซ์ ต่อมื้อ เจ้าหน้าที่ป้อนนมทุก 2-4 ชั่วโมง/มื้อ นมที่กินจะเป็นนมทดแทนสำหรับลูกแมว ชนิด KMR การขับถ่ายเริ่มดีขึ้น อุจจาระมีเนื้อมากขึ้น (มีเนื้อมากกว่าน้ำ)
มีพฤติกรรมที่สนใจสิ่งแวดล้อมรอบตัว ร่าเริง
ก่อนหน้านี้ วันที่ 7 เมษายน 65 กรมอุทยานฯ ส่งลูกเสือโคร่งของกลาง ให้เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวากฯ ดูแล เบื้องต้นสุขภาพยังอ่อนแอ
นายสุรศักดิ์ อนุเมธางกูร หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวากและศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก เปิดเผยว่า เมื่อ เวลา 16.00 น . เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวากและศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก ทำการรับมอบลูกเสือโคร่งของกลาง จำนวน 1 ตัว เพศเมีย อายุประมาณ 2 เดือน จากกลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า เพื่อนำมาอนุบาลดูแล
สำหรับรายละเอียดของกลางที่รับมอบมาดูแล เป็นลูกเสือโคร่ง จำนวน 1 ตัว เพศเมีย คดีอาญาที่ 363/2565 ยึดทรัพย์ที่ 103/2565 ปจว.ข้อที่ 1 เวลา 03.49 น. ลงวันที่ 6 เมษายน 2565 หมายเลขไมโครชิพ 900026000220728
ลูกเสือโคร่ง ประวัติ มีอาการถ่ายเหลว ต้องทำการให้ยาฆ่าเชื้อกินรักษาต่อเนื่อง ผลตรวจโรคจากชุดตรวจ Test kit ไข้หัดหวัดแมว และลำไส้อักเสบ เป็นลบ ตรวจสุขภาพภายนอก พบว่า มีน้ำมูกเล็กน้อย มีอาการจามในบางช่วง ไม่มีไข้ พบตัวเห็บบริเวณผิวหนัง พบว่าบริเวณเงือก ลิ้น และช่องปาก ซีดกว่าปกติ (ไม่ชมพู) โดยได้ป้อนนม ซึ่งจะต้องกินนมชนิด KMR ทุก 2-3 ชั่วโมง / มื้อ
ทั้งนี้ สุขภาพลูกเสือโคร่ง ยังคงอ่อนแอ ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด ทั้งในเรื่องของสภาวะท้องเสีย มีน้ำมูก และเยื่อเมือกซีด (ไม่ชมพู) ซึ่งยังคงต้องเฝ้าระวังสุขภาพ และระมัดระวังในการเลี้ยงดูอย่างใกล้ชิดต่อไป
สำหรับคำให้การของผู้กระทำความผิดที่อ้างว่านำลูกเสือโคร่งมาจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อนำไปขายต่อ แต่ถูกคณะเจ้าหน้าที่จับกุมเสียก่อน ทางกรมอุทยานแห่งชาติฯ โดยศูนย์นิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า จะตรวจสอบกับฐานข้อมูลเสือโคร่งในกรงเลี้ยงว่าลูกเสือโคร่งตัวดังกล่าวมีที่มาอย่างไร