นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า เลือกตั้งซ่อม เขต 3 ราชบุรี วัดความนิยมระหว่างฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้าน
แนะ ปชป.รักษามารยาทไม่ต้องส่งแข่งขัน
หลังจากมีคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้มีคำพิพากษาให้นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี และไม่สามารถดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ตลอดชีวิต ทำให้ต้องสิ้นสมาชิกภาพ ส.ส.ไปในทันที จึงต้องจัดให้มีการจัดตั้งซ่อมภายใน 45 วัน ซึ่ง กกต.ได้กำหนดให้มีการเลือกตั้งซ่อมในวันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม 2565 ทำให้พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะเจ้าของพื้นที่ ได้เตรียมพร้อม ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งเข้าแข่งขันเพื่อรักษาพื้นที่เดิม ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีผู้สมัครคนเดิม คือนายชัยทิพย์ กมลพันธ์ทิพย์ อดีตผู้สมัคร ส.ส. เขตเลือกตั้งที่ 3 จ.ราชบุรี พรรค ปชป. ในการเลือกตั้งปี 2562 ได้คะแนนมาเป็นอันดับที่ 2 ได้ทำงานลงพื้นที่ดูแลประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือว่าเป็นตัวเต็งในสนามนี้อีกคนหนึ่ง
ส่วนตัวเคยสนับสนุนให้พรรคประชาธิปัตย์ ส่งผู้สมัครเลือกตั้งแข่งขันกับพรรคพลังประชารัฐในทุกสนาม โดยเฉพาะเมื่อครั้งมีการเลือกตั้งซ่อม เขต 9 เขตหลักสี่ กทม. เพราะเห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่จำเป็นต้องรักษามารยาททางการเมืองให้กับพรรคพลังประชารัฐอีกต่อไป ในเมื่อมีการเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมา พรรคพลังประชารัฐไม่เคยรักษามารยาททางการเมืองให้กับพรรคประชาธิปัตย์เลย ทั้งที่เป็นพรรคแกนนำรัฐบาล และพื้นที่ในการเลือกตั้งซ่อมยังเป็นที่เดิมของพรรคประชาธิปัตย์ คือ เขต 3 นครศรีธรรมราช เขต 1 ชุมพร และเขต 6 สงขลา แต่พรรคพลังประชารัฐกลับส่งผู้สมัครลงแข่งขันทุกสนาม แบบชนิดแพ้ไม่ได้
ผมจึงได้แสดงความเห็นว่า พรรคประชาธิปัตย์ ควรจะส่งผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 9 หลักสี่ กทม. เพื่อเอาคืนพรรคพลังประชารัฐ แต่เมื่อคณะกรรมการบริหารพรรค ได้มีมติไม่ส่งผู้สมัครเข้าแข่งขัน โดยอ้างถึงมารยาททางการเมืองตามมาตรฐานของพรรคที่ยึดเป็นแนวปฎิบัติมาโดยตลอด แม้ว่าพรรคพลังประชารัฐ จะไม่มีมารยาททางการเมืองก็ตาม แต่พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นสถาบันทางการเมือง ที่ยึดถือมารยาททางการเมืองเป็นสำคัญ มีมติไม่ส่งผู้สมัครเข้าแข่งขันกับพรรคร่วมรัฐบาล ที่เป็นเจ้าของพื้นที่เดิม เพราะฉะนั้นในสนามเลือกตั้งซ่อมเขต 3 จังหวัดราชบุรี แทนนางสาวปารีณาไกรคุปต์ จะต้องใชัหลักการเดียวกัน
ส่วนตัวขอแสดงความคิดเห็น เพื่อประกอบการพิจารณาการตัดสินใจมีมติของคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ดังนี้
1.เมื่อพรรคประชาธิปัตย์เคยมีมติไม่ส่งเลือกตั้งซ่อมเขต 9 หลักสี่ กทม. เพราะยึดถือมารยาททางการเมือง เมื่อเคยมีมติไม่ส่งแข่งขันในสนามเลือกตั้งซ่อมเขต 9 กทมมาแล้ว ควรจะรักษามารยาทนี้ต่อไป โดยไม่ส่งสมัครเลือกตั้งซ่อมเขต 5 ราชบุรี ด้วย
2.วาระของสภาชุดนี้ ยังเหลือเวลาเพียงแค่ไม่ถึงหนึ่งปี ก็ควรจะเก็บตัวผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ เตรียมพร้อมไว้ลงสู่สนามเลือกตั้งทั่วไป ที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า จะได้ไม่ต้องเปลืองตัว เปลืองเงินทุนในการหาเสียง
3.ลดความขัดแย้งหรือการกระทบกระทั่งกัน ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง เหมือนกับการเลือกตั้งซ่อมในพื้นที่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ชุมพร สงขลา ทั้ง 3 เขต เมื่อครั้งที่ผ่านมา
4.เปิดโอกาสให้มีการแข่งขันระหว่าง ตัวแทนพรรคฝ่ายรัฐบาล คือพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ กับตัวแทนพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพื่อวัดความนิยม แบบพรรคต่อพรรค
5.สนามเลือกตั้งซ่อม จ.ราชบุรี ถือว่าเป็นสนามที่เป็นกลาง สำหรับทั้งพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคร่วมฝ่ายค้าน มีฐานเสียงพอๆ กัน ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ และการผลการเลือกตั้งครั้งนี้ จะเป็นดัชนีวัดความนิยมทางการเมืองของพรรครัฐบาลและพรรคฝ่ายค้าน ก่อนที่จะเปิดศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจในเดือนมิถุนายนนี้