นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่สมาคมฯ ได้เคยยื่นคำร้องต่อผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยาถึง 2 ครั้ง เพื่อขอให้ใช้อำนาจสั่งให้นายก อบต.บ้านซุ้ง อ.นครพลวง พ้นจากหน้าที่ หลังจากที่ ป.ป.ช.ได้ชี้มูลความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่มานานแล้ว แต่ทางจังหวัดอยุธยายังเงียบอยู่ ทำให้ชาวบ้านในตำบลบ้านซุ้งมาร้องสมาคมฯขอให้ช่วยเป็นธุระในการเรียกร้องให้ผู้ว่าฯ อยุธยา ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดนั้น
ล่าสุดผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายวีระชัย นาคมาศ ได้มีคำสั่งเป็นหนังสือที่ อย.0023.4/219 ลงวันที่ 4 เม.ย.65 แจ้งถึงนายก อบต.บ้านซุ้ง เพื่อให้นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านซุ้ง พ้นจากตำแหน่งแล้ว ทั้งนี้เนื่องจากนายก อบต.บ้านซุ้ง จงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการอันเป็นการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน ละเลย ไม่ปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง และเป็นการปฏิบัติไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ ตาม ม.90/1 ของ พ.ร.บ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จึงอาศัยอำนาจตามความใน ม.92 ของกฎหมายดังกล่าว ให้นายก อบต.บ้านซุ้ง พ้นจากตำแหน่ง
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งใน ต.บ้านซุ้ง อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ได้ร้องเรียนไปยัง ป.ป.ช.ว่านายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านซุ้ง ได้กระทำการทุจริตเงินโครงการคนดีศรีบ้านซุ้งต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด 2556 เป็นเหตุให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ทำการไต่สวนและสอบสวน และได้ทำการชี้มูลความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ พร้อมได้สรุปสำนวนการสอบสวนคดีดังกล่าวให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นครหลวง นายอำเภอนครหลวง และหรือจังหวัดพระนครศรีอยุธยาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด แต่ปรากฏว่าเรื่องเงียบหายไปนาน จนชาวบ้านต้องนำความมาร้องเรียนให้สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยช่วยเหลือให้ติดตามทวงถามให้ จนกระทั่งผู้ว่าฯอยุธยามีคำสั่งในครั้งนี้ได้
กรณีดังกล่าวนายกฯ อบต.บ้านซุ้ง ซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามคำสั่งของผู้ว่าฯอยุธยาแล้วนั้น สามารถใช้สิทธิตามกฎหมายในการยื่นฟ้องต่อศาลปกครองได้ ภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งหรือรับทราบคำสั่งให้พ้นจากตำแหน่ง ตาม ม.49 แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธฺพิจารณาคดีปกครอง 2542 ส่วนความผิดในทางอาญานั้น สมาคมฯจะไปติดตามทวงถามยัง สภ.นครหลวงต่อไป