xs
xsm
sm
md
lg

ชลบุรีพบผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่ม 1,542 ราย เสียชีวิต 3 ราย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี รายงานสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันที่ 7 เมษายน 2565 วันนี้มีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,542 ราย (ผู้ติดเชื้อยืนยัน RT-PCR) และมีผู้เสียชีวิต 3 ราย โดยละเอียดดังนี้

1. คนที่พักอาศัยในจังหวัดระยอง เข้ามารักษาในจังหวัดชลบุรี 93 ราย สะสม 5,285 ราย และจังหวัดอื่นๆ รวมสะสม 1,537 ราย

2. CLUSTER บริษัท ไทย เอ็นโอเค จำกัด อ.เมืองชลบุรี 4 ราย สะสม 123 ราย

3. อาชีพเสี่ยงพบปะผู้คนจำนวนมาก 38 ราย

4. อยู่ระหว่างสอบสวนโรค 840 ราย

5. บุคลากรทางการแพทย์ 40 ราย

6. ให้ประวัติเดินทางมาจากต่างจังหวัด 2 ราย ดังนี้
6.1 จังหวัดจันทบุรี 1 ราย
6.2 จังหวัดศรีสะเกษ 1 ราย

7. สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน
7.1 ในครอบครัว 320 ราย
7.2 จากสถานที่ทำงาน 68 ราย
7.3 บุคคลใกล้ชิด 83 ราย

8. สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน (อยู่ระหว่างสอบสวนโรค) 54 ราย

9. อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค 840 ราย

ณ วันที่ 7 เมษายน 2565 จังหวัดชลบุรี มีผู้ฉีดวัคซีนครบ 3 เข็ม 960,201 คน ซึ่งในเดือนนี้ มีผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 3 เข็มแล้ว ติดเชื้อ 3,104 คน (อัตราป่วย 323.27 ต่อแสนประชากร) เสียชีวิต 2 ราย (0.21 ต่อแสนประชากร) ใส่ท่อหายใจ 2 ราย (0.21 ต่อแสนประชากร) ปอดอักเสบ 8 ราย (0.83 ต่อแสนประชากร)

มีผู้ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม 1,909,673 คน ซึ่งในเดือนนี้ มีผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว ติดเชื้อ 2,478 คน (อัตราป่วย 129.76 ต่อแสนประชากร) เสียชีวิต 7 ราย (0.37 ต่อแสนประชากร), ใส่ท่อหายใจ 8 ราย (0.42 ต่อแสนประชากร), ปอดอักเสบ 5 ราย (0.26 ต่อแสนประชากร)

ส่วนผู้ที่ฉีดวัคซีนเพียง 1 เข็ม 143,667 คน และไม่ได้ฉีดวัคซีนอีก 275,733 คน รวม 419,400 คน ในเดือนนี้พบผู้ติดเชื้อที่ฉีดวัคซีนไม่ครบและยังไม่ได้ฉีดวัคซีน 3,917 คน (อัตราป่วย 933.95 ต่อแสนประชากร), เสียชีวิต 14 ราย (3.34 ต่อแสนประชากร), ใส่ท่อหายใจ 10 ราย (2.38 ต่อแสนประชากร) , ปอดอักเสบ 11 ราย (2.62 ต่อแสนประชากร)

วันนี้พบผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจรายใหม่ 4 ราย (รายที่หนึ่งพบประวัติการรับวัคซีนสองเข็มเมื่อวันที่ 12 มี.ค. 2565 ,
รายที่สองพบประวัติการรับวัคซีนสองเข็มเมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2564,
และอีกสองรายไม่พบประวัติการรับวัคซีน),
ผู้ป่วยปอดอักเสบรายใหม่ 3 ราย
(รายที่หนึ่งพบประวัติการรับวัคซีนสองเข็มเมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2564,
และอีกสองรายไม่พบประวัติการรับวัคซีน),
ผู้เสียชีวิตรายใหม่ 3 ราย (รายที่หนึ่งอายุ 57 ปี, รายที่สองอายุ 44 ปี, รายที่สามอายุ 101 ปี) สาเหตุที่นำไปสู่การเสียชีวิตคือ เป็นผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัวได้แก่ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดผิดปกติ (รายที่หนึ่งพบประวัติการรับวัคซีนหนึ่งเข็มเมื่อวันที่ 22 ก.ย. 2564, และอีกสองรายไม่พบประวัติการรับวัคซีน)
ดังนั้นการฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์กล่าวคือต้องได้รับการกระตุ้นภูมิคุ้มกันด้วยการฉีดเข็มที่สาม จะช่วยลดความรุนแรงของโควิด-19 ผู้ที่อาศัยในจังหวัดชลบุรี ควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว หญิงตั้งครรภ์ เนื่องจากผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ยังยังไม่ได้ฉีดวัคซีน หรือฉีดวัคซีนไม่ครบ มีโอกาสที่จะมีอาการรุนแรงมากกว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ ซึ่งนำไปสู่การเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 และกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว หญิงตั้งครรภ์ จะมีอาการมากกว่ากลุ่มอื่น

ขณะนี้มีการระบาดเป็นวงกว้างทั้งจังหวัดชลบุรี

ร้านอาหารจำหน่ายสแอลกอฮอล์ ต้องคัดกรองลูกค้าด้วย ATK ทุกคน

ขณะนี้เริ่มมีการระบาดในสถานประกอบการจำนวนมาก พนักงานต้องได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์และเคร่งครัดในมาตรการองค์กร
1. เลิกงานไม่สังสรรค์
2. อาหารต้องไม่ทานใกล้ชิดด้วย
3. ป่วยต้องหยุด
4. จุดสัมผัสร่วม ต้องทำความสะอาดบ่อยๆ เช่น ลูกบิด ราวบันได สแกนนิ้วมือ เซ็นชื่อแล้วต้องล้างมือทันที
5. เคร่งครัดในสุขอนามัยส่วนบุคคล ใส่แมสก์ตลอดเวลา ล้างมือบ่อยๆ อยู่ห่างๆ กัน

สำหรับผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ต้องมีการกักตัวอย่างเข้มงวด ไม่ออกไปแพร่เชื้อ

การควบคุมป้องกันการระบาดของโควิด-19 ในจังหวัดชลบุรี อยู่บนพื้นฐานของสมดุลระหว่าง การควบคุมโรค เศรษฐกิจ สังคม

ปัจจัยความเร็วในการแพร่ระบาดของโควิด-19 ขึ้นกับการเคลื่อนที่นอกบ้านของประชาชน ความใกล้ชิดกัน รวมทั้งระยะเวลาในการใกล้ขิดกัน นอกเหนือจากการไม่เคร่งครัดในสุขอนามัยส่วนบุคคล หากไม่ล้างมือก่อนจับหน้า เชื้อเข้าทางจมูก ปากตา ทำให้มีการติดเชื้อและแพร่ระบาดได้

ในสภาวะการณ์ที่โควิด-19 มีการระบาดในวงกว้าง จนอาจกลายเป็นโรคประจำถิ่น เชื้อไม่ได้หมดสิ่นไป ทำให้มีโอกาสในการติดเชื้อได้ แต่ต้องไม่ให้เกิดการระบาดจนระบบสาธารณสุขรองไม่ได้ และต้องไม่เสียชีวิต ดังนั้นจึงขอความร่วมมือทุกภาคส่วนปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคของจังหวัดชลบุรี

ค้นให้ตรงเป้า เฝ้าให้ตรงจุด ร่วมใจฉีดวัคซีน สู่โรคประจำถิ่น

1.ค้นให้ตรงเป้า ผู้ที่มีอาการไข้หวัด ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ผู้ที่ได้วัคซีนไม่ครบ มีโอกาสเสี่ยงต่อความรุนแรงมากกว่ากลุ่มอื่นๆ ต้องได้รับการตรวจคัดกรองด้วย ATK

2.เฝ้าให้ตรงจุด สถานที่ที่มีกลุ่มเปาะบาง เสี่ยงค่อความรุนแรงหรือเสี่ยงต่อการควบคุมการระบาดได้ยาก หากเกิดการระบาดขึ้น ต้องได้รับการคัดกรองด้วยATK สม่ำเสมอ เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน สถานพักพิงคนพิการ ร้านอาหารจำหน่ายแอลกอฮอล์ ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่เป็นผู้สูงอายุ หรือมีโรคประจำตัว

3.ร่วมใจฉีดวัคซีน วัคซีนลดความรุนแรงของโควิด-19 ได้ 100% แต่ผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้ว ยังคงสามารถติดเชื้อโควิด-19 ได้ ยังคงต้องมีสุขอนามมัยส่วนบุคคล ขอความร่วมมือทุกท่านในการฉีดวัคซีน เพื่อลดความเร็วในการระบาด และลดความรุนแรงของโควิด-19 โดยเฉพาะผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประตำตัว ขณะนี้ยังคงมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัว และเป็นผู้ที่ไม่ฉีดวัคซีน

4.สู่โรคประจำถิ่น เชื้อโควิด-19 ได้ลดความรุนแรงลง และเข้าเป็นโรคประจำถิ่น ในที่สุด ทุกคนป้องกันตัวเองตามมาตรการ univeral protection ยังคงเคร่งครัดในสุขอนามัยส่วนบุคคล โดยเฉพาะช่วงที่กำลังมีการระบาดในวงกว้าง เพื่อชลอการระบาดไม่ให้รวดเร็วเกินไป ให้ดำเนินการตามมาตรการ คัดการด้วย ATK ก่อน และสามารถแยกกักที่บ้านได้หากไม่มีอาการและไม่เป็นกลุ่มผู้สูงอายุหรือมีโรคประจำตัวที่เสี่ยงต่อความรุนแรงมากกว่ากลุ่มอื่นๆ

การควบคุมป้องกันการระบาดของโควิด-19 เป็นหน้าที่ของทุกคน