นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยความคืบหน้าโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 4 และโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 2 ได้เปิดให้ประชาชนใช้จ่ายเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ความคืบหน้าการใช้จ่ายล่าสุด หลังจากผ่านไป 2 เดือนแล้ว (ข้อมูล วันที่ 31 มี.ค. 2565) ผู้ใช้สิทธิ สะสม รวม 40.9 ล้านคน ยอดใช้จ่าย สะสม รวม 64,471.08 ล้านบาท แบ่งเป็น 1) โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 มีผู้ใช้สิทธิสะสม 26.26 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 58,715.2 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนที่ประชาชนจ่ายสะสม 29,879.3 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่ายสะสม 28,836.0 ล้านบาท 2) โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 4 มีผู้ใช้สิทธิสะสม 13.36 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 5,282.76 ล้านบาท และ 3) โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 2 มีผู้ใช้สิทธิสะสม 1.28 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 473.12 ล้านบาท
สำหรับโครงการคนละครึ่ง เฟส 4 เป็นไปตามนโยบายของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีวัตถุประสงค์ชัดเจนเพื่อฟื้นฟู เศรษฐกิจจนถึงระดับฐานรากอย่างต่อเนื่อง ให้ผู้ประกอบการรายย่อยทุกระดับมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการ และเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันให้กับประชาชน ควบคู่ไปกับมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลได้น้ำมาใช้เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบและความเดือดร้อนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) รวมถึงจากสถานการณ์ความขัดแย้งยูเครน-รัสเซีย เพื่อทำให้เศรษฐกิจของประเทศเดินหน้าต่อไปได้ ทั้งมาตรการด้านพลังงานและเชื้อเพลิง ค่าครองชีพ การขนส่ง แรงงานและนายจ้าง เป็นต้น
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี ยังย้ำให้ทุกกระทรวงและทุกหน่วยงานทำงานอย่างหนักในการช่วยเหลือแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ แก้ปัญหาหนี้สินภาคประชาชนให้ได้มากที่สุด โดยโครงการคนละครึ่ง เป็นอีกหนึ่งโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจจนถึงระดับฐานราก สามารถลดภาระค่าครองชีพประจำวันของประชาชนได้เห็นผล ทั้งนี้ ประชาชนสามารถใช้จ่ายได้อีก 1 เดือน จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2565 ซึ่งกระทรวงการคลัง คาดว่า เมื่อสิ้นสุดโครงการจะสามารถสร้างเม็ดเงินในระบบสะพัดได้กว่า 7 หมื่นล้านบาท
สำหรับโครงการคนละครึ่ง เฟส 4 เป็นไปตามนโยบายของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีวัตถุประสงค์ชัดเจนเพื่อฟื้นฟู เศรษฐกิจจนถึงระดับฐานรากอย่างต่อเนื่อง ให้ผู้ประกอบการรายย่อยทุกระดับมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการ และเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันให้กับประชาชน ควบคู่ไปกับมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลได้น้ำมาใช้เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบและความเดือดร้อนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) รวมถึงจากสถานการณ์ความขัดแย้งยูเครน-รัสเซีย เพื่อทำให้เศรษฐกิจของประเทศเดินหน้าต่อไปได้ ทั้งมาตรการด้านพลังงานและเชื้อเพลิง ค่าครองชีพ การขนส่ง แรงงานและนายจ้าง เป็นต้น
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี ยังย้ำให้ทุกกระทรวงและทุกหน่วยงานทำงานอย่างหนักในการช่วยเหลือแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ แก้ปัญหาหนี้สินภาคประชาชนให้ได้มากที่สุด โดยโครงการคนละครึ่ง เป็นอีกหนึ่งโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจจนถึงระดับฐานราก สามารถลดภาระค่าครองชีพประจำวันของประชาชนได้เห็นผล ทั้งนี้ ประชาชนสามารถใช้จ่ายได้อีก 1 เดือน จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2565 ซึ่งกระทรวงการคลัง คาดว่า เมื่อสิ้นสุดโครงการจะสามารถสร้างเม็ดเงินในระบบสะพัดได้กว่า 7 หมื่นล้านบาท