นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า วันนี้ได้ส่งหนังสือร้องเรียนไปยังคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติ(กสทช.) เพื่อขอให้ไต่สวนสอบสวนเอาผิดผู้ที่สั่งการให้มีการตัดสัญญาณการเสนอข่าวในรายการข่าว “เที่ยง ททบ.5” ในขณะที่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก และ น.ส.กิตติมา ธารารัตนกุล กำลังนำเสนอข่าวเกี่ยวกับข้อพิพาทระหว่าง รัสเซีย-ยูเครน เมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้ผู้จัดรายการเกิดความขัดข้องหมองใจและถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากนั้น
การกระทำดังกล่าว แม้เวลาต่อมา พล.อ.รังษี กิติญานทรัพย์ ได้ขอลาออกจากกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ททบ.5 ท่ามกลางกระแสข่าวสะพัดว่า สำนักข่าวท็อปนิวส์ ได้ถอนตัวออกจากช่อง 5 ไปแล้วในสิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก จะเผยแพร่เอกสารข่าวขอโทษประชาชนกรณีเกิดปัญหาดังกล่าวขึ้น โดยอ้างว่าเกิดจากการขัดข้องทางด้านเทคนิคในการออกอากาศรายการข่าวในวันเวลาดังกล่าว แต่ทว่าคงไม่มีใครเชื่อว่าเป็นปัญหาทางเทคนิตตามคำแถลงดังกล่าว เพราะคนไทยไม่ได้กินแกลบ-กินหญ้า
ทั้งนี้ การกระทำดังกล่าว อาจเข้าข่ายเป็นการแทรกแซงหรือลิดรอนเสรีภาพในการเสนอข่าวหรือการแสดงความคิดเห็นของสื่อมวลชน อันเป็นการกระทำต้องห้ามตาม ม.35 วรรคหนึ่ง และ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญ 2560 ที่บัญญัติไว้ชัดเจนว่า “บุคคลซึ่งประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนย่อมมีเสรีภาพในการเสนอข่าวสาร หรือการแสดงความคิดเห็นตามจริยธรรมแห่งวิชาชีพ การสั่งปิดกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนอื่นเพื่อลิดรอนเสรีภาพตามวรรคหนึ่ง จะกระทํามิได้”
กรณีดังกล่าว เป็นอำนาจหน้าที่ของ กสทช. ซึ่งมีหน้าที่และอำนาจในการติดตามตรวจสอบและการประกอบกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ฯ รวมตลอดทั้งป้องกันการกระทำที่มีผลเป็นการขัดขวางเสรีภาพในการรับรู้หรือปิดกั้นการรับรู้ข้อมูลหรือข่าวสารที่ถูกต้องตามความเป็นจริงของประชาชน ตาม ม.27 วรรคแรก (16) และวรรคห้า แห่ง พรบ.องค์กรจัดสรรคลื่น ความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์และกิจการ โทรคมนาคม พ.ศ.2553
ดังนั้นสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังคณะกรรมการ กสทช. ให้ดำเนินการหรือสั่งการให้มีการไต่สวนสอบสวน และเอาผิดผู้ที่มีอำนาจในการสั่งการให้มีการตัดสัญญาณในรายการข่าว “เที่ยง ททบ.5” เมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมาโดยเร็ว เพื่อจรรโลงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายแม่บทของชาติต่อไป