การประชุมศาลรัฐธรรมนูญ ก่อนเข้าสู่การประชุมพิจารณาตามวาระปกติ ในวันนี้ (16 มี.ค.) มีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญขอหารือเรื่องเกี่ยวกับวาระการดำรงตำแหน่งของ นายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญตาม ที่เป็นข่าว ว่า ประธานศาลรัฐธรรมนูญเมื่อมีอายุ 70 ปี ตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 จะเป็นผู้มีคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามอันเป็นเหตุให้ต้องพ้นจากตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่
ทั้งนี้ ที่ประชุมพิจารณาแล้วเห็นว่า รัฐธรรมนูญ มาตรา 208 วรรคสี่ บัญญัติว่า ในกรณีที่มีปัญหาว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญผู้ใดพ้นจากตำแหน่งตาม (1) หรือ (3) หรือไม่ ให้เป็นหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการสรรหาตามมาตรา 203 เป็นผู้วินิจฉัยคำวินิจฉัยของคณะกรรมการสรรหาให้เป็นที่สุด และ พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 22 วรรคหนึ่งบัญญัติว่า เมื่อมีผู้ร้องขอโดยมีหลักฐานตามสมควรว่า ตุลาการผู้ใดพ้นจากตำแหน่งตามมาตรา 18 (1) หรือ (3) ให้เลขาธิการวุฒิสภาเสนอเรื่องต่อประธานกรรมการสรรหาภายใน 5 วัน นับแต่วันที่ได้รับการร้องขอและให้คณะกรรมการสรรหาวินิจฉัยให้แล้วเสร็จโดยเร็วในการวินิจฉัยให้ถือเสียงข้างมาก กรณีที่มีเสียงเท่ากันให้ประธานกรรมการสรรหาออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด
ดังนั้น ที่ประชุมจึงเห็นสมควรให้ตุลาการผู้ที่เห็นว่ามีปัญหาเกี่ยวกับวาระการดำรงตำแหน่งของประธานศาลรัฐธรรมนูญ ส่งคำร้องขอของตนไปยังเลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญส่งคำร้องขอดังกล่าว ไปให้เลขาธิการวุฒิสภาเสนอเรื่องต่อประธานกรรมการสรรหาต่อไป ส่วนวาระการประชุมอื่นๆ ให้เลื่อนไปเพื่อศึกษาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ที่ประชุมพิจารณาแล้วเห็นว่า รัฐธรรมนูญ มาตรา 208 วรรคสี่ บัญญัติว่า ในกรณีที่มีปัญหาว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญผู้ใดพ้นจากตำแหน่งตาม (1) หรือ (3) หรือไม่ ให้เป็นหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการสรรหาตามมาตรา 203 เป็นผู้วินิจฉัยคำวินิจฉัยของคณะกรรมการสรรหาให้เป็นที่สุด และ พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 22 วรรคหนึ่งบัญญัติว่า เมื่อมีผู้ร้องขอโดยมีหลักฐานตามสมควรว่า ตุลาการผู้ใดพ้นจากตำแหน่งตามมาตรา 18 (1) หรือ (3) ให้เลขาธิการวุฒิสภาเสนอเรื่องต่อประธานกรรมการสรรหาภายใน 5 วัน นับแต่วันที่ได้รับการร้องขอและให้คณะกรรมการสรรหาวินิจฉัยให้แล้วเสร็จโดยเร็วในการวินิจฉัยให้ถือเสียงข้างมาก กรณีที่มีเสียงเท่ากันให้ประธานกรรมการสรรหาออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด
ดังนั้น ที่ประชุมจึงเห็นสมควรให้ตุลาการผู้ที่เห็นว่ามีปัญหาเกี่ยวกับวาระการดำรงตำแหน่งของประธานศาลรัฐธรรมนูญ ส่งคำร้องขอของตนไปยังเลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญส่งคำร้องขอดังกล่าว ไปให้เลขาธิการวุฒิสภาเสนอเรื่องต่อประธานกรรมการสรรหาต่อไป ส่วนวาระการประชุมอื่นๆ ให้เลื่อนไปเพื่อศึกษาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเพิ่มเติม