xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ เปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์ท่าอากาศยานเบตง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมื่อเวลา 12.45 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิด "เที่ยวบินปฐมฤกษ์ ท่าอากาศยานนานาชาติเบตง จังหวัดยะลา" โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และนายภิรมย์ นิลทยา ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา พร้อมด้วยคณะผู้บริหารเข้าร่วม

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความยินดีที่เปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์ท่าอากาศยานเบตง จังหวัดยะลา พร้อมกล่าวแสดงความชื่นชมสถาปัตยกรรมของอาคารสนามบินเบตงที่มีความสวยงาม ตกแต่งด้วยไม้ไผ่ สะท้อนเอกลักษณ์ท้องถิ่น ซึ่งจะกลายเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของอำเภอเบตงต่อไป

นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า รัฐบาลพยายามผลักดันส่งเสริมให้เมืองเบตงเป็นต้นแบบในด้านการท่องเที่ยว และการค้าชายแดน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายสามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ในการเพิ่มศักยภาพการท่องเที่ยวในพื้นที่ รวมทั้งการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น โดยอำเภอเบตง เป็นอำเภอที่มีศักยภาพการพัฒนาทั้งด้านเศรฐกิจ สังคม ถือเป็นเมืองชายแดนที่มีการเคลื่อนไหวทางด้านธุรกิจการค้า ประกอบกับพี่น้องประชาชนอยู่ร่วมกันเป็นสังคมพหุวัฒนธรรม ตลอดจนเป็นเมืองที่มีธรรมชาติสวยงาม จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจเดินทางมาอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ รัฐบาลได้เร่งพัฒนาระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานด้านคมนาคมให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อให้สามารถรองรับการให้บริการแก่พี่น้องประชาชน ทั้งในด้านการขนส่งและการเดินทางต่อเนื่องหลายรูปแบบ รวมทั้งที่ท่าอากาศยานเบตงแห่งนี้ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว ถือเป็นการสนับสนุนการขนส่งทางอากาศ และเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาคในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางและบริการพี่น้องประชาชน นักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศได้อย่างเพียงพอ

นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลมีแผนที่จะสร้างและสนับสนุนความเชื่อมโยงกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค โดยเฉพาะประเทศมาเลเซีย ทั้งนี้ ต้องอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วน ซึ่งประเทศไทยได้รับคำชื่นชมว่าเป็นประเทศตัวอย่างด้านพหุวัฒนธรรมที่อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข อยู่ด้วยกันด้วยความเข้าใจ อันจะเป็นพื้นฐานที่ดีในการพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้าไปในทิศทางที่ดียิ่งขึ้นต่อไป ถึงแม้ขณะนี้ประเทศไทยจะได้รับผลกระทบเกิดปัญหาในหลายๆ เรื่อง โดยเฉพาะความขัดแย้งในต่างประเทศ แต่ด้วยความรักความสามัคคีของคนไทยทุกคน และความตั้งใจของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหา จะทำทุกอย่างให้เกิดผลกระทบกับประเทศไทยและประชาชนให้น้อยที่สุด พวกเราทุกคนต้องช่วยกันสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศไทย พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลมีเสถียรภาพ เป็นรัฐบาลของคนไทยทุกคน จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด หากไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้ก็ไม่มีความสุข จะเดินหน้าทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อตอบแทนแผ่นดิน ซึ่งแผ่นดินไทยเป็นแผ่นดินที่ศักดิ์สิทธิ์ ใครจะทรยศต่อแผ่นดินไม่ได้ ขอให้ทุกคนช่วยกันรักษา สิ่งที่สำคัญทุกคนต้องมีความเชื่อมั่นซึ่งกันและกัน จะต้องไม่สร้างความเกลียดชัง สร้างความขัดแย้งขึ้นมาในสังคม ช่วยกันพัฒนาให้ประเทศเจริญก้าวหน้าต่อไป

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีขอให้ทุกภาคส่วน รวมทั้งพี่น้องประชาชนชาวยะลา ร่วมกันพัฒนาและส่งเสริมท่าอากาศยานเบตงแห่งนี้ ให้เป็นศูนย์กลางในการขนส่งทางอากาศของจังหวัดยะลาและจังหวัดใกล้เคียง เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจ และพัฒนาความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนให้มีความมั่นคง อย่างยั่งยืน พร้อมกับฝากให้กองทัพ ฝ่ายความมั่นคง ดูแลเรื่องความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน ฝาก ศอ.บต. พัฒนาคุณภาพชีวิตให้มีความเป็นอยู่ที่ดี และฝาก ส.ส. ในพื้นที่ดูแลแก้ไขปัญหาลดความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ให้ดีที่สุด

จากนั้น นายกรัฐมนตรีพบปะพูดคุยกับประชาชนที่มาให้การต้อนรับ โดยกล่าวว่า ยินดีที่ได้มาพบประชาชนในวันนี้ ได้เห็นถึงความเจริญเติบโตของเบตง ที่ผ่านมารัฐบาลเร่งรัฐที่จะพัฒนาสนามบินเบตงตั้งแต่ปี 2558-2565 และจะพัฒนาต่อให้สอดคล้องกับภาคการขนส่งคน สินค้า การท่องเที่ยว ที่จะเติบโตขึ้นในอนาคต ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก สิ่งสำคัญที่สุดในวันนี้คือความรัก สามัคคีกัน ร่วมมือกัน เพราะทุกอย่างต้องเกิดจากการเริ่มต้นและทำอย่างต่อเนื่อง ไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ในวันเดียว วันนี้เราอาจเผชิญกับปัญหาหลายประการ ทั้งสถานการณ์โควิด-19 ปัญหาทางเศรษฐกิจ สถานการณ์จากต่างประเทศ ซึ่งล้วนแต่เชื่อมโยงกัน เกิดผลกระทบต่อหลายประเทศทั่วโลก อย่างไรก็ตาม รัฐบาลพยายามแก้ปัญหาอย่างเต็มที่ ให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด โดยเฉพาะการแก้ปัญหาความยากจนและปัญหาหนี้สินครัวเรือนแบบมุ่งเป้า ที่แก้ไขตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ครอบคลุมทุกด้าน ทั้งการประกอบอาชีพ การศึกษา ที่อยู่อาศัย สุขภาพ การบริหารจัดการภาครัฐ โดยการนำปัญหาจากอดีตมาแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด เพื่ออนาคตของที่ดีของลูกหลานของพวกเราทุกคน ซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควร ทั้งนี้ เราทุกคนต้องร่วมมือกัน รวมทั้งขอให้เข้าใจและเชื่อมั่นรัฐบาล