นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางโรคระบบทางเดินหายใจ ให้ข้อมูลผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัววันนี้ (11 มี.ค.) ระบุว่า เมื่อมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน องค์การอนามัยโลกเพิ่งจะกลับลำ แนะนำให้ประเทศต่างๆ เร่งฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นหลังได้ครบโดสแล้ว (เดิมทีองค์การอนามัยโลก แนะนำให้ฉีดครบโดสก็เพียงพอแล้ว เพื่อที่จะมีวัคซีนเหลือพอแจกจ่ายให้ประเทศที่ยากจนได้เข้าถึงวัคซีน)
ข้อมูลปัจจุบันการฉีดเข็มกระตุ้นหลังได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว 3 เดือน ช่วยลดการป่วยหนักและการเสียชีวิตโดยเฉพาะคนสูงอายุ คนที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์ คนสูงอายุไทยได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นเพียงร้อยละ 30 เท่านั้น นอกจากนี้ มีคนสูงอายุมากถึง 2 ล้านคน ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนแม้แต่เข็มเดียว หญิงตั้งครรภ์ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นเพียงร้อยละ 7 เท่านั้น เกือบร้อยละ 50 ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มแรก
วิธีลดการป่วยหนัก และการเสียชีวิตที่ได้ผลดีที่สุด คือการเร่งฉีดวัคซีนให้กับคนกลุ่มเสี่ยงให้ครบโดสมากที่สุดอย่างน้อย ร้อยละ 90 และฉีดเข็มกระตุ้นให้ได้
วัคซีนเข็มกระตุ้นควรเป็นวัคซีนชนิด mRNA (ไฟเซอร์หรือโมเดอร์นา) มีประสิทธิภาพสูง และมีความปลอดภัย คนที่ไม่ได้ฉีดส่วนใหญ่เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัย และกลัวผลข้างเคียงของวัคซีน ปัจจุบันประเทศไทยมีวัคซีนชนิดนี้มากเพียงพอสำหรับคนไทยแล้ว
ข้อมูลปัจจุบันการฉีดเข็มกระตุ้นหลังได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว 3 เดือน ช่วยลดการป่วยหนักและการเสียชีวิตโดยเฉพาะคนสูงอายุ คนที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์ คนสูงอายุไทยได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นเพียงร้อยละ 30 เท่านั้น นอกจากนี้ มีคนสูงอายุมากถึง 2 ล้านคน ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนแม้แต่เข็มเดียว หญิงตั้งครรภ์ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นเพียงร้อยละ 7 เท่านั้น เกือบร้อยละ 50 ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มแรก
วิธีลดการป่วยหนัก และการเสียชีวิตที่ได้ผลดีที่สุด คือการเร่งฉีดวัคซีนให้กับคนกลุ่มเสี่ยงให้ครบโดสมากที่สุดอย่างน้อย ร้อยละ 90 และฉีดเข็มกระตุ้นให้ได้
วัคซีนเข็มกระตุ้นควรเป็นวัคซีนชนิด mRNA (ไฟเซอร์หรือโมเดอร์นา) มีประสิทธิภาพสูง และมีความปลอดภัย คนที่ไม่ได้ฉีดส่วนใหญ่เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัย และกลัวผลข้างเคียงของวัคซีน ปัจจุบันประเทศไทยมีวัคซีนชนิดนี้มากเพียงพอสำหรับคนไทยแล้ว