สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี รายงานสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันที่ 26 ก.พ.65 มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,310 ราย และเสียชีวิต 2 ราย โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. คนที่พักอาศัยในจังหวัดระยอง เข้ามารักษาในจังหวัดชลบุรี 92 ราย สะสม 2,320 ราย และจังหวัดอื่นๆ รวมสะสม 557 ราย
2. CLUSTER บริษัท โฟมเทค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด อ.ศรีราชา 3 ราย สะสม 3 ราย
3. CLUSTER บริษัท มิตซูบิชิ อิเล็คทริค คอนซูมเมอร์ โปรดักส์ (ประเทศไทย) จำกัด อ.เมืองชลบุรี 3 ราย สะสม 11 ราย
4. CLUSTER บริษัท สยาม โคเค็น จำกัด อ.ศรีราชา 3 ราย สะสม 3 ราย
5. CLUSTER บริษัท อัลบาทรอส ลอจิสติกส์ จำกัด อ.ศรีราชา 3 ราย สะสม 3 ราย
6. CLUSTER บริษัท อูซูอิ อินเตอร์เนชั่นแนลคอร์ปอเรชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด อ.พานทอง 3 ราย สะสม 28 ราย
7. CLUSTER บริษัท เอสซีลอร์ ออพติคอล แลบอราทอรี (ประเทศไทย) จำกัด อ.พานทอง 3 ราย สะสม 59 ราย
8. อาชีพเสี่ยงพบปะผู้คนจำนวนมาก 44 ราย
9. บุคลากรทางการแพทย์ 18 ราย
10. ให้ประวัติเดินทางมาจากต่างจังหวัด 14 ราย ดังนี้
10.1 กทม. 5 ราย
10.2 จังหวัดฉะเชิงเทรา 2 ราย
10.3 จังหวัดเพชรบุรี 2 ราย
10.4 จังหวัดชัยนาท 1 ราย
10.5 จังหวัดนครราชสีมา 1 ราย
10.6 จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 1 ราย
10.7 จังหวัดมุกดาหาร 1 ราย
10.8 จังหวัดสมุทรปราการ 1 ราย
11. สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน
11.1 ในครอบครัว 287 ราย
11.2 จากสถานที่ทำงาน 152 ราย
11.3 บุคคลใกล้ชิด 43 ราย
11.4 ร่วมวงสังสรรค์ 5 ราย
12. สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน (อยู่ระหว่างสอบสวนโรค) 73 ราย
13. อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค 564 ราย
ณ วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2565 จังหวัดชลบุรี มีผู้ฉีดวัคซีนครบ 3 เข็ม 784,896 คน ซึ่งในเดือนนี้ มีผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 3 เข็มแล้ว ติดเชื้อ 4,519
คน (อัตราป่วย 575.75 ต่อแสนประชากร) ไม่มีปอดอับเสบ, ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 1 ราย (0.13 ต่อแสนประชากร) และไม่มีเสียชีวิต
มีผู้ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม 1,884,855 คน ซึ่งในเดือนนี้ มีผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว ติดเชื้อ 8,555 คน (อัตราป่วย 453.88 ต่อแสนประชากร) ผู้ป่วยปอดอับเสบ 20 ราย (1.06 ต่อแสนประชากร), ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 5 ราย (0.27 ต่อแสนประชากร) และเสียชีวิต 7 ราย (0.37 ต่อแสนประชากร)
ส่วนผู้ที่ฉีดวัคซีนเพียง 1 เข็ม 95,418 คน และไม่ได้ฉีดวัคซีนอีก 348,880 คน รวม 444,298 คน ในเดือนนี้พบผู้ติดเชื้อที่ฉีดวัคซีนไม่ครบและยังไม่ได้ฉีดวัคซีน 7,064 คน (อัตราป่วย 1,320.45 ต่อแสนประชากร), ผู้ป่วยปอดอับเสบ 19 ราย (4.28 ต่อแสนประชากร), ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 9 ราย (2.03 ต่อแสนประชากร) และเสียชีวิต 17 ราย (3.83 ต่อแสนประชากร)
สำหรับวันนี้ พบผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจรายใหม่ 1 ราย (ไม่พบประวัติการรับวัคซีน), ผู้ป่วยปอดอับเสบรายใหม่ 1 ราย (พบประวัติการรับวัคซีนสองเข็มเมื่อวันที่ 5 ต.ค. 2564), พบผู้เสียชีวิตรายใหม่ 2 ราย (รายที่หนึ่งอายุ 62 ปี, รายที่สองอายุ 71 ปี) สาเหตุที่นำไปสู่การเสียชีวิตคือ เป็นผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัวได้แก่ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (รายที่หนึ่งพบประวัติการรับวัคซีนสองเข็มเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2564, รายที่สองไม่พบประวัติการรับวัคซีน) ดังนั้น การฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ กล่าวคือต้องได้รับการกระตุ้นภูมิคุ้มกันด้วยการฉีดเข็มที่สาม จะช่วยลดความรุนแรงของโควิด-19 ผู้ที่อาศัยในจังหวัดชลบุรี ควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว หญิงตั้งครรภ์ เนื่องจากผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ยังยังไม่ได้ฉีดวัคซีน หรือฉีดวัคซีนไม่ครบ มีโอกาสที่จะมีอาการรุนแรงมากกว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ ซึ่งนำไปสู่การเสียชีวิตจากโรคโควิด 19 และกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว หญิงตั้งครรภ์ จะมีอาการมากกว่ากลุ่มอื่น
ขณะนี้มีการระบาดเป็นวงกว้างทั้งจังหวัดชลบุรี
ร้านอาหารจำหน่ายสแอลกอฮอล์ ต้องคัดกรองลูกค้าด้วย ATK ทุกคน
ขณะนี้เริ่มมีการระบาดในสถานประกอบการจำนวนมาก พนักงานต้องได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์และเคร่งครัดในมาตรการองค์กร
1. เลิกงานไม่สังสรรค์
2. อาหารต้องไม่ทานใกล้ชิดด้วย
3. ป่วยต้องหยุด
4. จุดสัมผัสร่วม ต้องทำความสะอาดบ่อยๆ เช่น ลูกบิด ราวบันได สแกนนิ้วมือ เซ็นชื่อแล้วต้องล้างมือทันที
5. เคร่งครัดในสุขอนามัยส่วนบุคคล ใส่แมสก์ตลอดเวลา ล้างมือบ่อยๆ อยู่ห่างๆกัน
สำหรับผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ต้องมีการกักตัวอย่างเข้มงวด ไม่ออกไปแพร่เชื้อ
การควบคุมป้องกันการระบาดของโควิด-19 ในจังหวัดชลบุรี อยู่บนพื้นฐานของสมดุลระหว่าง การควบคุมโรค เศรษฐกิจ สังคม
ปัจจัยความเร็วในการแพร่ระบาดของโควิด-19 ขึ้นกับการเคลื่อนที่นอกบ้านของประชาชน ความใกล้ชิดกัน รวมทั้งระยะเวลาในการใกล้ขิดกัน นอกเหนือจากการไม่เคร่งครัดในสุขอนามัยส่วนบุคคล หากไม่ล้างมือก่อนจับหน้า เชื้อเข้าทางจมูก ปากตา ทำให้มีการติดเชื้อและแพร่ระบาดได้
ในสภาวะการณ์ที่โควิด-19 มีการระบาดในวงกว้าง จนอาจกลายเป็นโรคประจำถิ่น เชื้อไม่ได้หมดสิ่นไป ทำให้มีโอกาสในการติดเชื้อได้ แต่ต้องไม่ให้เกิดการระบาดจนระบบสาธารณสุขรองไม่ได้ และต้องไม่เสียชีวิต ดังนั้นจึงขอความร่วมมือทุกภาคส่วนปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคของจังหวัดชลบุรี
ค้นให้ตรงเป้า เฝ้าให้ตรงจุด ร่วมใจฉีดวัคซีน สู่โรคประจำถิ่น
1.ค้นให้ตรงเป้า ผู้ที่มีอาการไข้หวัด ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ผู้ที่ได้วัคซีนไม่ครบ มีโอกาสเสี่ยงต่อความรุนแรงมากกว่ากลุ่มอื่นๆ ต้องได้รับการตรวจคัดกรองด้วย ATK
2.เฝ้าให้ตรงจุด สถานที่ที่มีกลุ่มเปาะบาง เสี่ยงค่อความรุนแรงหรือเสี่ยงต่อการควบคุมการระบาดได้ยาก หากเกิดการระบาดขึ้น ต้องได้รับการคัดกรองด้วยATK สม่ำเสมอ เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน สถานพักพิงคนพิการ ร้านอาหารจำหน่ายแอลกอฮอล์ ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่เป็นผู้สูงอายุ หรือมีโรคประจำตัว
3.ร่วมใจฉีดวัคซีน วัคซีนลดความรุนแรงของโควิด-19 ได้ 100% แต่ผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้ว ยังคงสามารถติดเชื้อโควิด-19 ได้ ยังคงต้องมีสุขอนามมัยส่วนบุคคล ขอความร่วมมือทุกท่านในการฉีดวัคซีน เพื่อลดความเร็วในการระบาด และลดความรุนแรงของโควิด-19 โดยเฉพาะผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประตำตัว ขณะนี้ยังคงมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัว และเป็นผู้ที่ไม่ฉีดวัคซีน
4.สู่โรคประจำถิ่น เชื้อโควิด-19 ได้ลดความรุนแรงลง และเข้าเป็นโรคประจำถิ่น ในที่สุด ทุกคนป้องกันตัวเองตามมาตรการ univeral protection ยังคงเคร่งครัดในสุขอนามัยส่วนบุคคล โดยเฉพาะช่วงที่กำลังมีการระบาดในวงกว้าง เพื่อชลอการระบาดไม่ให้รวดเร็วเกินไป ให้ดำเนินการตามมาตรการ คัดการด้วย ATK ก่อน และสามารถแยกกักที่บ้านได้หากไม่มีอาการและไม่เป็นกลุ่มผู้สูงอายุหรือมีโรคประจำตัวที่เสี่ยงต่อความรุนแรงมากกว่ากลุ่มอื่นๆ
การควบคุมป้องกันการระบาดของโควิด-19 เป็นหน้าที่ของทุกคน