พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ในฐานะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) รายงานว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการ ปคม. ได้รับทราบผลการจัดทำรายงานความก้าวหน้าการต่อต้านการค้ามนุษย์ต่อสภาคองเกรสสหรัฐอเมริกา (Report to Congress on 2022 Trafficking in Persons Interim Assessment Pursuant to the Trafficking Victims Protection Act) โดยสำนักงานติดตามและต่อต้านการค้ามนุษย์ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา หรือ J/TIP Office แล้ว โดย พล.อ.ประวิตร ได้กำชับเร่งรัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขับเคลื่อนงานให้ก้าวหน้า ยกระดับมาตรฐานสู่สากล และให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนมีนาคม 2565 ตามวงรอบของการประเมินจัดลำดับเทียร์ ในรายงานประจำปี 2565 เพื่อให้ไทยกลับขึ้นไปอยู่ในกลุ่มเทียร์ 2 ให้ได้ ตามรายงาน 2022 TIP Interim Assessment สหรัฐอเมริกาจัดทำเฉพาะ 45 ประเทศที่ถูกจัดอันดับในกลุ่มเทียร์ 2 เฝ้าจับตามอง ในปี 2564
ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยนั้น มีประเด็นความก้าวหน้าที่ถูกหยิบยกขึ้น ซึ่งเป็นภาพบวก 3 เรื่อง ได้แก่ (1) การจัดตั้งศูนย์คัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ เพื่อช่วยเหลือให้ที่พักพิงแก่ผู้ที่อาจเข้าข่ายเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ในระหว่างการคัดกรองเบื้องต้นจนถึงการคัดแยกเพื่อระบุตัวผู้เสียหายอย่างเป็นทางการ (2) การออกกฎกระทรวงแรงงานให้ใช้สัญญาจ้างแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ 4 ภาษา ได้แก่ ไทย เมียนมา กัมพูชา และลาว และ (3) การยกระดับฝ่ายศูนย์บัญชาการป้องกันการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน ขึ้นเป็น สำนักงานเลขานุการศูนย์บัญชาการป้องกันการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน ซึ่งเป็นหน่วยงานถาวรเทียบเท่ากอง ข้อท้าทายในรายงานฉบับนี้ มี 3 เรื่อง ได้แก่ (1) การทำขั้นตอนและแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนสำหรับการคัดกรอง คัดแยก และส่งต่อดำเนินคดี ในข้อหาการบังคับใช้แรงงานหรือบริการตามมาตรา 6/1 ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการยังไม่แล้วเสร็จ (2) การขยายระยะเวลาในการคัดแยกผู้ที่อาจเข้าข่ายเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์อย่างเป็นทางการ เพื่อให้เข้าถึงบริการของรัฐ มีเวลาเพียงพอที่จะรับการฟื้นฟูไตร่ตรอง และบอกเล่าความจริงในระหว่างการคัดกรองและคัดแยก (3) การจัดให้ความช่วยเหลือบริการของรัฐแก่ผู้เสียหายที่ไม่ประสงค์เข้าร่วมกระบวนการสืบสวนคดี
กรณีดังกล่าว พล.อ.ประวิตร ประธานกรรมการ ปคม. ได้รับทราบความก้าวหน้าในการจัดตั้งศูนย์คัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ โดยได้มอบสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงแรงงาน เป็นเจ้าภาพ ทั้งในด้านการปรับปรุงอาคารสถานที่ และระบบเครื่องมืออุปกรณ์สำหรับห้องซักถามและเฝ้าฟัง ในการนี้ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้มอบหมายให้กระทรวงแรงงาน สนับสนุนงบประมาณ และจัดทีมงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำร่างขั้นตอนและแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน
ด้านนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ดำเนินการตามนโยบายของ พล.อ.ประวิตร โดยสั่งการให้กระทรวงดิจิทัลฯ สนับสนุนการพัฒนาระบบเฝ้าฟังการซักถามสัมภาษณ์ และจัดการฐานข้อมูลสำหรับการให้ความช่วยเหลือผู้ที่อาจเข้าข่ายเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ที่เข้ารับบริการจนเสร็จสิ้นกระบวนการคัดแยกและดำเนินคดี โดยยึดผู้เสียหายเป็นศูนย์กลาง ตามมาตรฐานสิทธิมนุษยชนและพันธกรณีระหว่างประเทศ โดยได้รับรายงานว่ามีความก้าวหน้าประมาณ 80% แล้ว
พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ภายในสิ้นเดือนมีนาคม 2565 การดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีความก้าวหน้าในหลายๆ ด้าน เมื่อศูนย์คัดแยกผู้เสียหายจัดตั้งแล้วเสร็จ มีขั้นตอนและแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน ซึ่งจะได้รับการสนับสนุนทางวิชาการจากมูลนิธิ IJM และโครงการ ASEAN ACT จะทำให้การต่อต้านการค้ามนุษย์ของรัฐบาลไทยก้าวสู่มาตรฐานระดับสากลในภูมิภาคนี้