นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์ราคาเนื้อหมู ว่า เริ่มมีการปรับราคาลงมาอย่างเห็นได้ชัด โดยราคาจำหน่ายหมูเนื้อแดง ส่วนสะโพก ไหล่ ไม่รวมหมูเนื้อแดงปรุงแต่ง อยู่ที่กิโลกรัมละ 164-170 บาท ลดจากสัปดาห์ที่แล้ว (วันที่ 30 ม.ค.) ที่ราคาเฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 187 บาท และขณะนี้เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 175 บาท
ทั้งนี้ เป็นไปตามการสั่งการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ให้มีการกำกับติดตามสถานการณ์ราคาสินค้า แก้ไขปัญหาและดำเนินคดีกับผู้ฝ่าฝืนและกระทำความผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยได้มีการจัดชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจออกตรวจสอบห้องเย็น และโรงเชือด ที่ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) กำหนดให้แจ้งการเก็บสต๊อกเนื้อหมูตั้งแต่ 5,000 กิโลกรัมขึ้นไป โดยมีผู้แจ้ง 404 ราย มีเนื้อหมูในสตอก 15.5 ล้านกิโลกรัม สำหรับรายที่ไม่แจ้ง ก็มีการตรวจสอบด้วย โดยตรวจรวม 616 ราย รวมมีเนื้อหมู 19.5 ล้านกิโลกรัม พบผู้กระทำผิด 12 ราย ส่งฟ้องและมีคำพิพากษาแล้ว 3 ราย อยู่ระหว่างดำเนินคดี 9 ราย นอกจากนี้ ยังจัดชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจออกตรวจสอบสถานการณ์ราคาสินค้าทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งในกรุงเทพฯ ได้ตรวจสอบตลาดสด 103 แห่ง ห้างค้าส่งค้าปลีก 101 แห่ง และในต่างจังหวัดก็ตรวจสอบทั้งตลาดสด และห้างเช่นเดียวกัน โดยรายที่พบการกระทำผิดกฎหมาย เช่น ไม่ปิดป้ายแสดงราคา ขายเกินราคา ได้ดำเนินการตามกฎหมายแล้ว
ขณะเดียวกัน ราคาสินค้าอุปโภค-บริโภคจำเป็นอื่นๆ ก็เริ่มทยอยปรับราคาลงเช่นกัน อาทิ เนื้อไก่ ราคาจำหน่ายในห้าง เนื้อน่องติดสะโพกกิโลกรัมละ 65 บาท ส่วนในตลาดสด ราคาแตกต่างกันแต่ละพื้นที่ เฉลี่ยอยู่ที่กิโลกรัมละ 70-75 บาท และคาดว่าแนวโน้มราคาจะยังทรงตัวต่อไป ส่วนน้ำมันพืชปาล์ม ราคาที่สำรวจจากร้านสะดวกซื้ออยู่ที่ขวดลิตรละ 64-65 บาท และในห้าง 61-62 บาท โดยราคามีแนวโน้มลดลงและทรงตัวในระดับนี้ต่อไปอีกประมาณ 2 สัปดาห์ ผักสดมีราคาทั้งเพิ่มขึ้นและลดลง ตามแต่ละพื้นที่ โดยมีต้นทุนค่าขนส่งเป็นตัวแปร ส่วนสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วๆ ไป ราคาทรงตัว ยกเว้นภาคใต้ ที่ราคาอาจจะสูงกว่าภาคอื่นเล็กน้อย เนื่องจากมีต้นทุนในเรื่องค่าขนส่งจากระยะทางที่ไกล
นายธนกร ย้ำว่า การสั่งการอย่างเร่งด่วน และแก้ปัญหาอย่างตรงจุด ของนายกรัฐมนตรี เพื่อให้มีการติดตามและดำเนินการโดยเร่งด่วนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ผ่านมาตรการต่างๆ ที่นำมาปรับใช้ อาทิ การเร่งให้มีการติดตามกรณีปัญหาราคาเนื้อหมูที่ปรับตัวสูงขึ้นผ่านกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ การแก้ปัญหาราคาเนื้อหมูแพงทั้งในระยะเร่งด่วนและระยะยาว ด้วยการตรวจสอบสต๊อกเนื้อหมูอย่างเข้มข้นของเจ้าหน้าที่ การชะลอการส่งออกสุกร เพื่อให้มีปริมาณสุกรอยู่ในประเทศเพียงพอต่อความต้องการ การขึ้นทะเบียนฟาร์มสุกรกับผู้เลี้ยงรายเล็ก-ย่อย ตลอดจนการจัดทำบัญชีคุมสินค้า ซึ่งต้องแสดงปริมาณการเลี้ยง ปริมาณการซื้อ ราคาซื้อ ราคา ปริมาณการจำหน่าย ปริมาณคงเหลือเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ ล้วนส่งผลให้เกิดการแก้ปัญหาราคาเนื้อหมูอย่างเป็นระบบ ทำให้มีการปรับราคาลงมาอย่างเห็นได้ชัด และคาดว่าจะลดลงอีก ซึ่งเป็นการจัดการอย่างเด็ดขาดและจริงจังของนายกรัฐมนตรี