เพจเฟซบุ๊ก อานนท์ นำภา ของนายอานนท์ นำภา แกนนำม็อบราษฎร โพสต์ระบุว่า ครบรอบ 1 ปี การคุมขังอานนท์ นำภา 9 ก.พ. 2565 จะเป็นวันครบรอบ 1 ปีการคุมขังอานนท์ อันที่จริง เขาเทียวเข้าออกเรือนจำตั้งแต่เดือนต.ค. 2563 ด้วยซ้ำ จนถึงวันนี้ อานนท์เข้าเรือนจำแล้ว 6 ครั้ง
ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2559 อานนท์ ถูกศาลทหารสั่งฟ้องจากกิจกรรม คดีนั่งรถไฟไปอุทยานราชภักดิ์ ส่องแสงหากลโกง (ซึ่งภายหลังความผิดตามคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 3/2558 ข้อ12 ถูกยกเลิกไป) ศาลทหารได้พาตัวอานนท์และเพื่อนๆไปรอฟังคำสั่งในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาต้องเข้าไปในเรือนจำเป็นเวลาหลายชั่วโมง ก่อนศาลทหารให้ประกันตัว
ช่วงเดือนส.ค.2563 ภายหลังขึ้นปราศรัยในงานแฮรี่พอตเตอร์ #เสกคาถาไล่คนที่คุณก็รู้ว่าใคร 3 ส.ค. 2563 อานนท์ นำภา ถูกตำรวจจับกุมตามหมายจับต่างๆโดยไม่มีการออกหมายเรียกเกือบทุกอาทิตย์ในเดือนนั้น รวม 3 ครั้ง แต่ได้รับการประกันตัว
ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 3 ก.ย. 2563 เขาถูกศาลอาญา รัชดา ถอนประกัน จากกรณีขึ้นปราศรัยในงาน #ธรรมศาสตร์จะไม่ทน 10 ส.ค. 2563
ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 15 ต.ค. 2563 เขาถูกจับกุมจากหมายจับของศาลจ.เชียงใหม่ที่ม็อบ14 ต.ค. บริเวณแยกนางเลิ้ง จากการชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล เขาถูกส่งตัวขึ้นเฮลิคอปเตอร์พร้อมตำรวจอาวุธครบมือไปที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อคุมขังในคดีปราศรัยที่ท่าแพ #เชียงใหม่จะไม่ทน เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 2563
ครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 27 ต.ค. 2563 อานนท์ถูกอายัดตัวจากเรือนจำจังหวัดเชียงใหม่ มายังสน.ชนะสงคราม จากหมายจับในคดี #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร การชุมนุมที่จัดขึ้นที่ท้องสนามหลวงเมื่อวันที่ 19-20 ก.ย. 2563
ครั้งที่ 5 เมื่อวันที่ 9 ก.พ. 2564 อานนท์ถูกอัยการสั่งฟ้องในคดี #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร ก่อนศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว ในครั้งนี้เขาถูกขังยาวนาน 113 วันและติดโควิดจากเรือนจำ ก่อนได้รับการอนุญาตประกันตัว 1 มิ.ย. 2564 เขาถูกยื่นประกันกว่าสิบครั้ง จึงได้รับการประกันตัว
ครั้งที่ 6 เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 2564 เขาถูกออกหมายจับและมีตำรวจนำกำลังเข้ามาจับกุมอีกครั้ง จากกรณีปราศรัย #ครบรอบ1ปีม็อบแฮรี่พอตเตอร์ บริเวณลานหน้าหอศิลป์ ในครั้งนี้อานนท์ถูกคุมขังยาวนานกว่าเก่า โดยเขาถูกคุมขังมาแล้ว 183 วัน (จนถึง 9 ก.พ.2565) และเขายังไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว แม้จะยื่นประกันเกินสิบครั้งแล้ว เขาถูกขังอยู่ด้วย 11 หมายขังในคดีต่างๆ โดยเป็นคดี 112 10 คดี
รวมเฉพาะ 9 ก.พ-9 ส.ค. 2564 อานนท์ถูกคุมขังมาแล้ว 296 วันจาก 365 วัน หรือเกือบ 10 เดือน เขาได้อยู่กับครอบครัวได้เพียง 2 เดือนเท่านั้นใน 1 ปีที่ผ่านมา
หากดูตามข้อมูลข้างต้น จะพบว่าการปราศรัยแต่ละครั้งที่เป็นเหตุให้ถูกออกหมายจับและไม่ได้ประกันตัวนั้น เป็นการปราศรัยที่แสลงหูเพราะใจความสำคัญของการปราศรัยคือการวิพากษ์อำนาจที่ฉ้อฉล ไม่มีอะไรร้ายแรงไปกว่าการใช้อำนาจคอรัปอำนาจ เปลี่ยนแปลงระบบให้เกิดคุณกับตนเอง อานนท์ล้วนปราศรัยทักท้วงในเรื่องเหล่านั้น เขาเป็นนักต่อต้านการทุจริตอย่างแท้จริงแต่ผู้มีอำนาจไม่เคยรับฟัง ได้แต่ปิดปาก คุมขังเขาอยู่ร่ำไป
เรียกได้ว่าตั้งแต่ ส.ค. 2563 เขาไม่เคยมีชีวิตที่ปกติสุขอีกเลย ต้องระมัดระวังตัว ไม่ทราบว่าจะถูกจับหรือถูกทำร้ายร่างกายเมื่อใด ซ้ำถูกติดตามอยู่เสมอ ลูกสาวของอานนท์ ยังรอการกลับบ้านของพ่ออยู่ เธอคิดถึงอาหารที่พ่อทำและความทะเล้นที่เรียกรอยิ้มเสมอของพ่อ เธอมักถามว่า ‘เมื่อไหร่เราจะพาพ่อกลับบ้านได้’ แต่กว่า 1 ปี ที่ไม่มีคำตอบในเรื่องนี้ ครอบครัวรู้ดี ว่าออกได้ ก็เข้าไปใหม่ได้ เข้าไปได้โดยง่ายเสียด้วย ในช่วงเดือนหลังๆ ลูกสาวตัวเล็ก มักจินตนาการถึงวิธีช่วยเหลือพ่อหลากรูปแบบ เธอถึงขนาดอยากปลอมตัวเป็นตำรวจเพื่อช่วยพ่อ ไม่ทราบคิดอะไรอยู่!
คุณอานนท์ชอบทำอาหาร เขามีพรสวรรค์ในการกินอาหารและทำอาหาร แม้โดยปกติเขาเป็นคนที่กินง่ายและอยู่ง่ายอย่างถึงที่สุด แต่เขาก็สามารถทำอาหารหลายแบบได้หากเขามีเวลา ที่บ้านเล็กๆจึงมีเครื่องปรุงรสหลากหลายประเภทไว้ปรุงอาหาร ช่วงปีใหม่ภายหลังเก็บกวาดบ้าน เราพบว่าเครื่องปรุงและวัตถุดิบที่เตรียมไว้ปรุงอาหารหลายสิบรายการ หมดอายุลงไปนานแล้ว เป็นสิ่งเล็กๆที่น่าสะเทือนใจ ย้ำเตือนให้เราทราบว่า คุณอานนท์จากครอบครัวไปเป็นระยะเวลานานแล้ว
ลูกสาวของเขาซึ่งตัดผมสั้นเพียงแค่ปิดแก้มได้นั้น บัดนี้ผมยาวลงมาปิดไหล่ ทุกๆสิ่งเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา แต่ที่ไม่เปลี่ยนเลย คือคำสั่งไม่ให้ประกันที่ซ้ำซาก ความเสียหายต่อสิ่งที่คุณอานนท์ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิด ใน 1 ปีที่ผ่านมา ไม่ทราบว่าปรากฎขึ้นหรือไม่อย่างไร ใครจะสามารถพิสูจน์เรื่องนั้นได้และหากไม่ได้ ใครจะต้องรับผิดชอบกับการเอาผู้ที่ควรได้ทำคุณประโยชน์ให้ผู้อื่นไปขังคุก ทั้งลูกความที่รอคอยการช่วยเหลือจากเขาอีกเล่า
สิ่งที่ครอบครัวทำไม่ใช่การรอคอยความเมตตาแต่เราต่อสู้ดิ้นรนเพื่อให้ได้มาซึ่งความยุติธรรมด้วยการสนับสนุนคุณอานนท์ให้ต่อสู้ในวิถีทางของเขาและพยามหารายได้เพื่อเลี้ยงดูครอบครัวด้วยตนเองด้วยวิธีที่เบียดเบียนผู้อื่นน้อยที่สุด ถึงกระนั้นก็ยังรู้สึกผิดที่ต้องขายของระดมทุนในช่วงเวลาที่ทุกคน ทุกชีวิตในประเทศนี้ต่างทุกข์ยากไม่แพ้กัน
วิถีชีวิตของคุณอานนท์ในเรือนจำ ไม่ได้รอดพ้นจากการถูกจับตาแต่อย่างใด แม้โดยปกติผู้ต้องขังถูกเฝ้ามองเป็นธรรมดา แต่ตามคำบอกเล่าของเพื่อนๆที่เคยถูกคุมขังอยู่ร่วมกันหรืออยู่ใกล้ๆกัน พบว่าเขามักถูกถ่ายภาพทุกอิริยาบทอยู่เสมอ ลำพังชีวิตที่ต้องอยู่ในสภาพเสี่ยงภัยโควิดและถูกจำกัดอิสรภาพก็หนักพอดูแล้ว อาการเหนื่อยจากลองโควิดที่ยังมีอยู่และความเครียดที่เกิดจากการถูกขังเป็นเวลานาน ทำให้เส้นผมของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวนำหน้าอายุไปไกล
1 ปีผ่านมาแล้ว คนที่ควรรับใช้ประชาชน เลือกที่จะไม่รับใช้ประชาชน แต่รับใช้ปากท้อง ยศตำแหน่งของตนเองได้อย่างหน้าไม่อาย ทำให้ความยุติธรรมกลายเป็นสิ่งที่จับต้องได้ยากในประเทศนี้
มีเพียงประชาชนที่แบกประชาชน เคียงบ่าเคียงไหล่และไม่หักหารกัน ขอบคุณประชาชนทุกท่าน ที่ศรัทธา รักใคร่ และ ช่วยเหลือคุณอานนท์มาจนถึงตอนนี้