นายสิระ เจนจาคะ อดีต ส.ส.เขต 9 กรุงเทพมหานคร พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าตนไม่มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. และนายศรีสุวรรณ จรรยา ยื่นขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณายุบพรรคพลังประชารัฐ จากเหตุนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคในขณะนั้น ลงนามรับรองการส่งตนลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. เมื่อปี 2562 ว่า ขณะนี้ กกต. ยังไม่ได้เรียกให้ไปให้ถ้อยคำ แต่อยากฝากถึงนายอุตตม และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ที่กำลังก่อตั้งพรรคสร้างอนาคตไทย ว่า อย่าเพิ่งออกตัวแรง อย่าเพิ่งลงทุนสูง เพราะหากยุบพรรคพลังประชารัฐจากกรณีนี้ พวกท่านซึ่งเป็นกรรมการบริหารพรรคชุดแรกต้องถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี
เมื่อถามว่าคิดว่ากรณีดังกล่าวจะนำไปสู่การยุบพรรคพลังประชารัฐได้หรือไม่ นายสิระ กล่าวว่า ตนกับนายอุตตม รู้กัน 2 คน อยู่ที่นายอุตตม จะดำเนินการอย่างไร เพียงแต่อยากจะบอกว่าอย่าออกตัวแรง ลงทุนเยอะ เพราะอาจจะเป็นผู้ไม่มีสิทธิในการเลือกตั้ง
นายสิระ ระบุว่า ตั้งแต่มีคำร้องเรื่องนี้นายอุตตม ยังไม่เคยติดต่อตนมาเลย ซึ่งต้องคุยกับนายอุตตม ดูว่าลืมไปหรือเปล่าว่าได้คุยอะไรกันบ้าง และนายอุตตม มั่นใจได้อย่างไรว่าจะเดินไปต่อได้กับการตั้งพรรคใหม่ เพราะมีการยื่นยุบพรรคในกรณีนี้อยู่
ทั้งนี้ นายสิระ ฝากถึงนายอุตตม ว่า หากว่างให้ติดต่อมาเพื่อทวนความจำกัน เพราะมีตนกับนายอุตตม รู้กันอยู่ 2 คน ซึ่งตนก็จำได้ในระดับหนึ่งว่าเหตุใดนายอุตตม จึงเซ็นรับรองให้ตนลงสมัคร ไม่เช่นนั้นพรรคใหม่และอดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐชุดแรก 23 คน จะไปต่อไม่ได้เพราะสิระ
ส่วนเรื่องนี้จะกลายเป็นเกมขัดขาพรรคสร้างอนาคตไทยหรือไม่นั้น นายสิระ กล่าวว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมีผลผูกพันทุกองค์กร คำถามคือนายอุตตม และกรรมการบริหารพรรคทั้ง 23 คน ต้องมีส่วนรับผิดชอบเรื่องนี้หรือไม่
เมื่อถามว่า ก่อนที่นายอุตตม เซ็นรับรองส่งนายสิระ ลงสมัคร ส.ส. ในปี 2562 ทราบอยู่แล้วใช่หรือไม่ว่านายสิระ เคยต้องคำพิพากษาศาล นายสิระ กล่าวว่า เรื่องนี้เปิดเผยไม่ได้ ขอให้นายอุตตม มาคุยกับตนก่อน พร้อมย้ำว่าตนรู้กัน 2 คนว่าอะไรคืออะไร ซึ่งนายอุตตม อาจจะลืม หรือตนอาจจะจำผิดก็ให้คุยกันว่าในวันนั้นทำไมวันนั้นถึงเซ็นรับรองให้ตน
