นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้มโพสต์เฟซบุ๊ก “ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ” ระบุว่า ในมุมมองของผมในฐานะที่เป็นทนาย จากข่าวทิดสมปองในหลายๆประเด็นที่ประชาชนให้ความสนใจ ผมขอแบ่งเป็นสามประเด็น
1. ตามกฎหมายแล้ว การที่พระสงฆ์จะทำสัญญากู้เงิน ไม่ว่าจะนอกระบบหรือคนทั่วไป ในทางกฎหมาย พระสงฆ์ถือเป็นบุคคลธรรมดา สามารถทำสัญญาได้ไม่ผิดอะไร ที่สำคัญคือทิดสมปองลาสึกไปแล้ว ถึงแม้ว่าการกู้ยืมเงินที่เป็นข่าวอาจขัดทางธรรมวินัย และกฎเถรสมาคม ก็ไม่น่าจะเอาผิดย้อนหลังอะไรได้ครับ
2. ในส่วนของที่ดิน ที่เป็นข่าวว่าทิดปองครอบครองจำนวนสามร้อยไร่ ถ้าดูจากราคา 10.9 ล้าน ที่ดินสามร้อยไร่ไม่น่าซื้อได้แบบเป็นโฉนด น่าจะเป็นเอกสารแสดงการครอบครองที่ดินที่สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ออกให้กับประชาชนเข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน ถ้าครอบครองคนเดียวที่ดิน ส.ป.ก.300 ไร่เลย ถ้าเป็น ส.ป.ก. 4-01 อันนี้เรื่องใหญ่ครับ เพราะบุคคลทั่วไป ไม่สามารถซื้อขาย โอนสิทธิกันได้ง่ายขนาดนั้น มีเงื่อนไขเยอะ เช่นต้องยากจน ครอบครองได้ไม่เกิน 50 ไร่และมีกฎหมายควบคุมด้วย ว่าแต่ละคนครอบครองได้จำนวนกี่ไร่ เพราะฉะนั้นต้องตรวจสอบกันอีกที ว่ามีจำนวนนี้จริงไหม และใครคือผู้ครอบครองสิทธิ แต่ถ้าคนๆเดียวหรือครอบครัวเดียวกันเป็นผู้ครอบครองจำนวนมากขนาดนี้ ก็อาจมีปัญหาได้ในอนาคต
3. ในส่วนของสัญญาจ้าง ถ้าเกิดทิดปองได้เซ็นสัญญากับนายจ้างจริง และผิดสัญญา ในส่วนนี้ นายจ้างสามารถฟ้องเรียกค่าเสียหายได้ครับ การจะหยุดงาน ไม่ใช่แค่ว่า ไม่มีความสุข ไม่อยากทำ ก็หยุดทำได้เฉยๆ ต้องมาดูสัญญากันอีกทีว่าเป็นอย่างไร ยังไงผมแนะนำให้พูดคุยและหาทางออก จะอ้างว่าเซ็นไปไม่ได้อ่าน กฎหมายเขาไม่ฟังครับ
อันนี้เป็นแค่คำแนะนำคร่าวๆ จากประเด็นร้อนที่มีในสังคมจากข่าวนะครับ ส่วนตื้นลึกหนาบาง ต้องมาดูเอกสารกันอีกทีครับ ว่ามีที่ดินจำนวนนี้จริงไหม สัญญาจ้างเป็นอย่างไร ยังไงขอให้ทุกคนแสดงความคิดเห็นด้วยความระมัดระวังเพราะเสี่ยงต่อการหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาได้ และขอให้ทิดปองกับเจ๊ติ๋ม เคลียร์กันได้ด้วยดี