ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักวิจัยด้านไวรัสวิทยา ไบโอเทค โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า วัคซีนเข็มกระตุ้นที่ออกแบบจากโอมิครอน ตัวเปลี่ยนเกม?
วัคซีนเข็มกระตุ้นที่ออกแบบจากโอมิครอนโดยตรง อาจช่วยอะไรไม่ได้มาก ถ้าดูจากผลวิจัยล่าสุดที่ทีมวิจัยจาก NIH ของสหรัฐอเมริกาเปิดเผยออกมา การศึกษานี้ตั้งใจตอบคำถามง่ายๆคือ วัคซีนเข็มกระตุ้นชนิด mRNA ที่ออกแบบจากไวรัสโอมิครอนโดยตรง จะสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้แตกต่างมากน้อยอย่างไรเทียบกับวัคซีนตัวเดิมที่ออกแบบมาจากสายพันธุ์ Wuhan ดั้งเดิม วิธีวิจัยคือใช้ลิงที่ได้รับวัคซีน Moderna รูปแบบเดิม 2 เข็ม พอครบ 41 สัปดาห์หลังเข็ม 2 ก็แบ่งลิงออกเป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มแรกได้รับเข็มกระตุ้นเป็นวัคซีนตัวเดิม ขณะที่กลุ่มที่สองได้รับวัคซีน Moderna ที่ออกแบบจากโอมิครอน หลังจากนั้น 2 สัปดาห์ ทีมวิจัยได้นำซีรั่มของลิงแต่ละตัวมาตรวจสอบระดับภูมิคุ้มกัน โดยเฉพาะปริมาณแอนติบอดีที่ยับยั้งไวรัสแต่ละสายพันธุ์ได้ (Neutralizing antibody)
ผลการทดลองออกมาพบว่า กลุ่มลิงที่ได้รับเข็มกระตุ้นจากวัคซีนโอมิครอนไม่ได้มีระดับแอนติบอดียับยั้งไวรัสแตกต่างจากลิงที่ได้รับวัคซีนเข็มเดิมกระตุ้นเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งแอนติบอดีที่ยับยั้งไวรัสโอมิครอน ซึ่งคาดหวังว่าน่าจะสูงกว่าในลิงกลุ่มที่กระตุ้นด้วยวัคซีนโอมิครอน เอาจริงๆถ้าเปรียบเทียบเส้นทึบ กับ เส้นประของสีที่ถูกระบายไว้ (โอมิครอน) กลุ่มที่กระตุ้นด้วยวัคซีนตัวเดิมจะดีกว่านิดหน่อยด้วย แต่ความแตกต่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ
ผลการทดลองนี้ทำให้ทีมวิจัยเชื่อว่า อาจเป็นสาเหตุที่มาจากปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Original Antigenic Sin (OAS) ที่เกิดจากร่างกายเรียนรู้การสร้างภูมิคุ้มกันจากวัคซีนรูปแบบเดิมจากการถูกฉีดซ้ำๆ จนทำให้การเรียนรู้สิ่งใหม่จากวัคซีนตัวใหม่ทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร พูดเป็นภาษาที่ฟังง่ายๆ ก็คล้ายกับการเรียนภาษาไทยมาตั้งแต่เด็ก ฟังแต่ภาษาไทยจนคล่อง แล้วเพิ่งมาเริ่มเรียนภาษาอังกฤษตอนเราโตแล้ว การที่จะพูดภาษาอังกฤษให้สำเนียงตรงเป๊ะเหมือนเจ้าของภาษาจะทำได้ยากมากๆ การมีสำเนียงไทยปนๆมาก็คล้ายๆกับภูมิคุ้มกันที่ไม่สามารถลืมภูมิจากวัคซีนตัวเดิมได้ครับ
ผลการศึกษานี้เหมือนจะบอกว่า เราอาจจะคาดหวังกับวัคซีนรูปแบบใหม่ได้ไม่มากเท่าที่ควร การกระตุ้นด้วยวัคซีนรูปแบบเดิมถ้าทำได้วันนี้เวลานี้ อาจไม่แตกต่างจากการรอวัคซีนรูปแบบใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น ประเด็นที่สำคัญที่ต้องเน้นคือ ผลการทดลองนี้ยังไม่ใช่การทดสอบในมนุษย์ ซึ่งยังไม่มีข้อมูลว่า OAS ในมนุษย์จะเหมือนในลิงที่ทดสอบในการศึกษานี้หรือไม่ เพราะหลายครั้งผลในลิง กับในมนุษย์ก็ต่างกันอยู่ครับ