พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) พร้อม พล.ต.ต.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบก.ปพ. สั่งการให้ พ.ต.อ.ศิววงศ์ ดำรงสัจจ์ศิริ ผกก.3 บก.ปพ.และ พ.ต.อ.อภิสัณฐ์ ไชยรัตน์ ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.ปพ.เข้าจับกุมตัว น.ส.จิรัสย์ หรือ น.ส.ศศิภาฉัตร์ อายุ 44 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 623/2559 ลงวันที่ 17 พฤษภาคม 2559 ข้อหาร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิ และใช้เอกสารสิทธิปลอม โดยจับกุมได้ที่คอนโดมีเนียมแห่งหนึ่ง ย่านถนนรามคำแหง กรุงเทพ
ทั้งนี้ ทราบว่า ระหว่างเดือนมกราคม 2553 จนถึงเดือนสิงหาคม 2556 ผู้ต้องหายังเป็นฝ่ายบัญชีของ บริษัทฯ ขายรถยนต์หรูแห่งหนึ่งย่านรามอินทรา มีหน้าที่ทำธุรกรรมการเงินของบริษัทฯ ต่อมาผู้ต้องหาได้ร่วมกับพวกปลอมใบเบิกถอนเงินของธนาคารแห่งหนึ่ง โดยปลอมลายมือชื่อของเจ้าของบริษัทฯ และกรรมการผู้จัดการ นำไปถอนเงินไปใช้จ่ายส่วนตัว โดยพบก่อเหตุรวมทั้งสิ้นถึง 83 ครั้ง ความเสียหายประมาณ 16 ล้านบาท ต่อมาเมื่อมีการตรวจพบการทุจริต เจ้าของบริษัทจึงเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ น.ส.จิรัสย์ เมื่อคดีขึ้นสู่ศาลแล้ว มีคำพิพากษาสั่งจำคุกผู้ต้องหารวมทุกกระทง เป็นเวลา 20 ปี โดยไม่มีการรอลงอาญา แต่ตัวผู้ต้องหานั้นได้หลบหนีไม่ยอมมาฟังคำพิพากษา ก่อนจะตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว สอบสวนผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพ จึงนำตัวส่งศาลอาญาดำเนินคดีต่อไป
ทั้งนี้ ทราบว่า ระหว่างเดือนมกราคม 2553 จนถึงเดือนสิงหาคม 2556 ผู้ต้องหายังเป็นฝ่ายบัญชีของ บริษัทฯ ขายรถยนต์หรูแห่งหนึ่งย่านรามอินทรา มีหน้าที่ทำธุรกรรมการเงินของบริษัทฯ ต่อมาผู้ต้องหาได้ร่วมกับพวกปลอมใบเบิกถอนเงินของธนาคารแห่งหนึ่ง โดยปลอมลายมือชื่อของเจ้าของบริษัทฯ และกรรมการผู้จัดการ นำไปถอนเงินไปใช้จ่ายส่วนตัว โดยพบก่อเหตุรวมทั้งสิ้นถึง 83 ครั้ง ความเสียหายประมาณ 16 ล้านบาท ต่อมาเมื่อมีการตรวจพบการทุจริต เจ้าของบริษัทจึงเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ น.ส.จิรัสย์ เมื่อคดีขึ้นสู่ศาลแล้ว มีคำพิพากษาสั่งจำคุกผู้ต้องหารวมทุกกระทง เป็นเวลา 20 ปี โดยไม่มีการรอลงอาญา แต่ตัวผู้ต้องหานั้นได้หลบหนีไม่ยอมมาฟังคำพิพากษา ก่อนจะตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว สอบสวนผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพ จึงนำตัวส่งศาลอาญาดำเนินคดีต่อไป