กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เปิดเผยผลสำรวจการเฝ้าระวังพฤติกรรมสุขภาพ ของกองสุขศึกษา ที่ดำเนินการเฝ้าระวังพฤติกรรมเสี่ยงโรคโควิด-19 ช่วงเทศกาลตรุษจีน ระหว่างวันที่ 14-26 มกราคม 2565 ผ่านระบบออนไลน์ (Google Form) พบว่า ประชาชนยังมีพฤติกรรมเสี่ยงโรคโควิด 19 ในช่วงเทศกาลตรุษจีน 5 อันดับ ดังนี้
1.ประชาชนซื้อของเซ่นไหว้บรรพบุรุษในตลาดแทนการสั่งซื้อแบบออนไลน์ ร้อยละ 61.4
2. ประชาชนนิยมให้อังเปาเป็นเงินสด ร้อยละ 54.4
3. ประชาชนไม่มีการตรวจ ATK ก่อนการพบปะสังสรรค์กับญาติ ร้อยละ 29.5
4. ประชาชนยังคงมีการรวมกลุ่มกินอาหารกับญาติพี่น้อง ร้อยละ 27.6
5. ประชาชนไม่มีการสแกนไทยชนะหรือลงทะเบียนก่อนเข้าออกสถานที่ต่าง ๆ ร้อยละ 24.2
ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการติดโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนที่มีการแพร่กระจายได้รวดเร็ว ในช่วงเทศกาลตรุษจีน หากมีกิจกรรมร่วมกับผู้ที่ติดเชื้อที่ส่วนใหญ่ไม่มีอาการ จะสามารถแพร่กระจายของโรคมากขึ้น โดยเน้นย้ำว่า ให้ผู้ที่มีอาการสงสัยว่าติดเชื้อโควิด-19 รีบตรวจ Antigen Test Kit (ATK) เพราะปัจจัยเสี่ยงการติดเชื้อที่สำคัญ มาจากการสัมผัสกันภายในครอบครัว หรือการรับประทานอาหารร่วมกันที่บ้าน โดยเฉพาะช่วงเทศกาลตรุษจีน ที่ลูกหลานกลับมากราบไหว้บรรพบุรุษ ซึ่งผู้ติดเชื้ออาจได้รับเชื้อมาจากสถานที่ระบาดและแพร่กระจายเชื้อสู่คนใกล้ตัว โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่บ้าน จึงต้องระมัดระวังและปฏิบัติตามมาตรการดูแลตนเองขั้นสูงสุด (Universal Prevention) อย่างเคร่งครัด
1.ประชาชนซื้อของเซ่นไหว้บรรพบุรุษในตลาดแทนการสั่งซื้อแบบออนไลน์ ร้อยละ 61.4
2. ประชาชนนิยมให้อังเปาเป็นเงินสด ร้อยละ 54.4
3. ประชาชนไม่มีการตรวจ ATK ก่อนการพบปะสังสรรค์กับญาติ ร้อยละ 29.5
4. ประชาชนยังคงมีการรวมกลุ่มกินอาหารกับญาติพี่น้อง ร้อยละ 27.6
5. ประชาชนไม่มีการสแกนไทยชนะหรือลงทะเบียนก่อนเข้าออกสถานที่ต่าง ๆ ร้อยละ 24.2
ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการติดโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนที่มีการแพร่กระจายได้รวดเร็ว ในช่วงเทศกาลตรุษจีน หากมีกิจกรรมร่วมกับผู้ที่ติดเชื้อที่ส่วนใหญ่ไม่มีอาการ จะสามารถแพร่กระจายของโรคมากขึ้น โดยเน้นย้ำว่า ให้ผู้ที่มีอาการสงสัยว่าติดเชื้อโควิด-19 รีบตรวจ Antigen Test Kit (ATK) เพราะปัจจัยเสี่ยงการติดเชื้อที่สำคัญ มาจากการสัมผัสกันภายในครอบครัว หรือการรับประทานอาหารร่วมกันที่บ้าน โดยเฉพาะช่วงเทศกาลตรุษจีน ที่ลูกหลานกลับมากราบไหว้บรรพบุรุษ ซึ่งผู้ติดเชื้ออาจได้รับเชื้อมาจากสถานที่ระบาดและแพร่กระจายเชื้อสู่คนใกล้ตัว โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่บ้าน จึงต้องระมัดระวังและปฏิบัติตามมาตรการดูแลตนเองขั้นสูงสุด (Universal Prevention) อย่างเคร่งครัด