นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยตัวเลขการส่งออกของประเทศในเดือนธันวาคม 2564 ว่า ยอดการส่งออกยังเป็นบวกอยู่ที่ร้อยละ 24.2 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยคิดเป็นมูลค่ากว่า 24,930.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นไปตามทิศทางเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว ทำให้การส่งออกของโลกดีขึ้นตาม แม้ปัญหาโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนจะแพร่ระบาดแต่ไม่น่าจะรุ่นแรงไปมากกว่านี้ ทำให้ภาครัฐและเอกชนยังคงเดินหน้าร่วมกันแก้ไขปัญหาและอุปสรรคต่างๆ รวมถึงเร่งเจาะตลาดต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งตลาดเก่าและตลาดใหม่ โดยเฉพาะในตลาดรัสเซีย ในกลุ่มซีไอเอส เอเชียใต้ อาเซียน ตะวันออกกลาง แอฟริกา เกาหลีใต้ กลุ่ม CLMV สหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น ยุโรป และอีกหลายประเทศ เพื่อให้การส่งออกในแต่ละเดือนสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม หากดูกลุ่มสินค้าที่เติบโตต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นสินค้าเกษตรในเดือนธันวาคม 2564 ขยายตัวเป็นบวกต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 14 เติบโตถึงร้อยละ 21.1 หรือคิดเป็นเงินบาทกว่า 72,513 ล้านบาท โดยเฉพาะมังคุดสด ทุเรียนสด มะม่วงสด มันสำปะหลัง และยางพารา สินค้าเกษตรอุตสาหกรรมขยายตัวเป็นเดือนที่ 10 โตร้อยละ 24.1 มูลค่ากว่า 55,735 ล้านบาท และสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 เติบโตถึงร้อยละ 24.0 คิดเป็นเงินบาท 653,336 ล้านบาท ดังนั้น ยังมั่นใจว่าโอกาสสินค้าภาคการเกษตรของไทยในหลายประเภทและหลายชนิดยังเป็นที่ต้องการของตลาดโลกได้
นอกจากนี้ ขณะที่ตัวเลขการนำเข้าสินค้าในเดือนธันวาคม 2564 อยู่ที่ 25,284.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนเป็นบวกร้อยละ 33.4 ส่งผลให้ไทยมีดุลการค้าในเดือนธันวาคม 2564 อยู่ที่ 354.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ตัวเลขการส่งออกและนำเข้าในช่วง 12 เดือนปี 2564 ตั้งแต่เดือนมกราคม-ธันวาคม 2564 โดยเป็นยอดส่งออกทั้งสิ้น 271,173.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินบาท 8,542,103 ล้านบาท เติบโตถึงร้อยละ 17.1 ขณะที่ตัวเลขการนำเข้า 12 เดือน มียอดอยู่ที่ 267,600.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นบวกร้อยละ 29.8 ทำให้ไทยเกินดุลการค้าช่วง 12 เดือนอยู่ที่ 3,583.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์คาดว่าการส่งออกไทยในปี 2565 น่าจะมีโอกาสขยายตัวเป็นบวกไม่น้อยกว่าร้อยละ 3-4 หรือคิดเป็นมูลค่า 279,000-282,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินบาท 9,077,533-9,165,663 ล้านบาท โดยมีปัจจัยบวกหลังจากกระทรวงพาณิชย์ได้มีการประชุมร่วมภายใต้คณะทำงาน กรอ.พาณิชย์เพื่อประเมินทิศทางการส่งออกในปี 2565 ไว้ โดยเฉพาะเชื่อว่าโอกาสที่ค่าเงินบาทยังคงมีแนวโน้มอ่อนค่าอยู่ และมองว่าในช่วงครึ่งปี 2565 ตู้ขนส่งสินค้าจะกลับมาอยู่ในระดับที่เป็นปกติมากขึ้น รวมทั้งปัญหาการแพร่ระบาดโควิดจะเบาบางลง การเติบโตธุรกิจด้านดิจิตอล จึงเป็นโอกาสที่ภาคการส่งออกไทยยังเติบโตได้ดีต่อเนื่อง แต่ปัจจัยลบที่ต้องติดตามปีนี้ ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อในต่างประเทศมีแนวโน้นสูงขึ้น และการขาดแคลนแรงงานในต่างประเทศที่มีอยู่สูง
