พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) ครั้งที่ 1/2565 ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ร่วมกับนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ทั้งนี้ ที่ประชุม ศบศ. ได้พิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงเข้าสู่ประเทศไทย การส่งเสริมการลงทุนในกิจการคลาวด์เซอร์วิส และการส่งเสริมการลงทุนสำหรับธุรกิจด้านเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพ พร้อมรับทราบสถานการณ์เศรษฐกิจล่าสุดและความคืบหน้าในการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญดังนี้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากสถานการณ์โลก สถานการณ์ภายนอกภูมิภาค รวมถึงสถานการณ์ภายในประเทศ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้มีรายได้น้อยที่ได้รับผลกระทบอย่างมากในเรื่องของราคาสินค้า ซึ่งได้สั่งการอย่างชัดเจนให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ตรวจสอบราคาสินค้าในทุกพื้นที่ ทุกจังหวัด ให้ได้ราคาที่แท้จริง และเหตุผลในการที่สินค้าบางรายการมีจำนวนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
โดยนายกรัฐมนตรียืนยันจะดูแลในเรื่องนี้อย่างละเอียด และจำเป็นจะต้องมีการลงโทษตามกฎหมายที่มีอยู่ ทั้งการกักตุนสินค้า ผู้ที่เกี่ยวข้องจะต้องถูกพิจารณาลงโทษตามกฎหมาย จึงขอให้ระมัดระวัง และขอฝากภาคธุรกิจเอกชนให้ช่วยดูในเรื่องนี้ให้มากที่สุด นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการประชุมวาระเร่งด่วนเพื่อเตรียมการรองรับสถานการณ์ราคาพลังงาน น้ำมัน ก๊าซ LPG เมื่อวานนี้ (20 ม.ค. 65) เพื่อพิจารณาถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในระยะต่อไป และหามาตรการแก้ไขตามสมมติฐานที่เกิดขึ้น รัฐบาลจะกำกับดูแลทุกเรื่องให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งผู้มีหน้าที่รับผิดชอบจะต้องทำงานตามหน้าที่ของตน
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวเป็นกำลังใจทุกคนที่ร่วมทำงาน ต้องไม่ยอมแพ้ต่อปัญหาอุปสรรคเช่นเดียวกับนายกรัฐมนตรี ที่ไม่เคยยอมแพ้ ทำงานเพื่อชาติและประชาชน ทุกคนกำลังทำภารกิจสำคัญให้กับประเทศชาติในเวลานี้ และขอประกาศปี 2565 เป็นปีแห่งการประเมินผล ชี้วัด ซึ่งทุกหน่วยงานต้องทำงานให้เกิดผลสัมฤทธิ์ โดยนายกรัฐมนตรีต้องการทำให้งานสำเร็จด้วยความรักและความสามัคคี