นายวิชา มหาคุณ คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และผู้อำนวยการหลักสูตรนิติศาสตรดุษฎีบัณฑิตคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต อดีตกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และอดีตประธานแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลฎีกา กล่าวถึงความขัดแย้งระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับเจ้าหน้าที่รัฐ กรณีจับผู้ปลูกกัญชา หลังประมวลกฎหมายยาเสพติดประกาศใช้เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2564 ว่า กฎหมายใดก็ตามที่ออกมา ไม่อยากให้ประชาชนรู้สึกว่าออกมาแล้วบังคับใช้ไม่ได้ ไม่มีประโยชน์ ใช้แล้วเกิดปัญหา จนทำให้เจตนารมณ์ของกฎหมายมันถูกทำลายไป ขอย้อนกลับไปที่การเกิดขึ้นของประมวลกฎหมายยาเสพติด มาจากแรงผลักดันของ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กฎหมายฉบับนั้น มีคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา ก่อนจะมาชั้น สนช. แล้วมันก็ตกไป เพราะประเด็นของกัญชา สนช.เลยปรับมาเป็นให้กัญชานำมาใช้ได้ แต่ในทางการแพทย์ และการวิจัย การศึกษา
ส่วนกัญชา ยังเป็นยาเสพติดหรือไม่นั้น ให้ดูประมวลกฎหมายยาเสพติด ซึ่งกัญชามีการเขียนไว้ในมาตรา 8 ของประมวลกฎหมายฉบับนี้ ว่า บรรดากฎกระทรวง ระเบียบ ประกาศ ตาม พ.ร.บ.ฉบับเดิม ให้ใช้อยู่ แต่ต้องไม่ขัด หรือแย้งกับประมวลฯ ฉบับปัจจุบัน และการที่ตำรวจไปจับต้องเทียบให้ชัดกับประกาศที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขออกมาว่าสิ่งที่ไม่เป็นยาเสพติดมีอะไรบ้าง
ส่วนกัญชา ยังเป็นยาเสพติดหรือไม่นั้น ให้ดูประมวลกฎหมายยาเสพติด ซึ่งกัญชามีการเขียนไว้ในมาตรา 8 ของประมวลกฎหมายฉบับนี้ ว่า บรรดากฎกระทรวง ระเบียบ ประกาศ ตาม พ.ร.บ.ฉบับเดิม ให้ใช้อยู่ แต่ต้องไม่ขัด หรือแย้งกับประมวลฯ ฉบับปัจจุบัน และการที่ตำรวจไปจับต้องเทียบให้ชัดกับประกาศที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขออกมาว่าสิ่งที่ไม่เป็นยาเสพติดมีอะไรบ้าง