นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่มีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. ในพื้นที่เขต 9 กรุงเทพมหานคร (หลักสี่-จตุจักร) แทนนายสิระ เจนจาคะ ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเพิกถอนการเป็น ส.ส. โดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะจัดให้มีการลงคะแนนเลือกตั้งในวันที่ 30 มกราคม 2565 นั้น
แต่ปรากฏว่าในขณะนี้มีผู้สมัครและพรรคการเมืองหน้าเก่าและหน้าใหม่ ทั้งตัวแทนฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน และพรรคใหม่ๆ ลงพื้นที่หาเสียงกันอย่างเข้มข้น ใช้กลยุทธ์ทุกกระบวนทัศน์มาใช้เพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียง และมีพฤติการณ์ที่อาจส่อไปในทางที่ทำให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยไม่สุจริตและเที่ยงธรรม และเริ่มมีการหาเสียงโดยการหลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญ ใช้อิทธิพลคุกคาม ใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิด ในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง
การหาเสียงดังกล่าวอาจเข้าข่ายการฝ่าฝืนมาตรา 73 แห่ง พ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2561 ซึ่งอาจทำให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งได้ใบแดงจาก กกต. รวมทั้งมีการสัญญิงสัญญาเกี่ยวกับการจัดทํา ให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใด อันอาจคํานวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด หรือการให้ เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยอ้อมแก่ชุมชน สมาคม มูลนิธิ วัด สถานศึกษา สถานสงเคราะห์หรือสถาบันอื่นใด
นอกจากนั้น ยังพบว่าเริ่มมีการหาเสียงเลือกตั้งโดยใช้ถ้อยคำที่รุนแรง ก้าวร้าว หยาบคาย หรือปลุกระดม อันเป็นการฝ่าฝืนระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยวิธีการหาเสียงและ ลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2561 อีกด้วย
ทั้งนี้ เนื่องจากสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย มีเครือข่ายสิทธิชุมชนคนริมคลอง และสมาชิกสมาคมคนรักษ์ชายคลอง ซึ่งเป็นชาวบ้านริมคลองเปรมประชากร และคลองลาดพร้าว หรือคลองสอง ที่มีอยู่เป็นจำนวนมากในพื้นที่เขตหลักสี่และเขตจตุจักร เขตเลือกตั้งที่ 9 กรุงเทพมหานคร ดังกล่าว จึงได้หารือร่วมกันที่จะจัดตั้งเครือข่ายเฝ้าระวังและจับผิดผู้สมัครและพรรคการเมืองทุกพรรค รวมทั้งหัวคะแนน ผู้ช่วยหาเสียงของผู้สมัครพรรคต่างๆ ที่หาเสียงที่ผิดกฎหมายข้างต้น โดยสมาชิกทุกคนจะมีมือถือคอยถ่ายรูป อัดคลิปวิดีโอการหาเสียงของผู้สมัครที่เข้ามาในชุมชน หรือเดินปราศรัย ที่ผิดปกติ ทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อส่งผ่านมายังสมาคมฯ เพื่อชี้เบาะแสให้ กกต. ดำเนินการเอาผิดผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายดังกล่าวต่อไป