ศาสตราจารย์ นายแพทย์ นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว Nithi Mahanonda ระบุถึงประเด็นเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน โดยสรุปว่า
"เมื่อหลายอย่างไม่ใช่ข้อเท็จจริง เป็นเพียงความเห็น จึงมีความแตกต่างมากมายที่ทำให้คนทั่วไปสับสนได้ แต่ไม่มีอะไรพ้นความต้องมีสติ เข้าใจ (ปัญญา) และมีวินัยในการป้องกันตัวเอง และคนรอบข้างที่เรารัก
ส่วนเรื่องวัคซีนต้องไม่ลืมเร่งฉีดคนอีกหลายล้านที่ยังไม่ได้วัคซีนสักเข็มด้วย ใครจะฉีดเข็มสาม สี่ ห้า แล้วรับได้กับอาการข้างเคียงที่อาจเกิดได้ (คนเห็นต่างว่าอาการจาก Omicron น้อยกว่า) ถ้ากังวลก็ฉีดไป มีโอกาสก็บริจาคช่วยคนที่ยังไม่ได้อีก 7-8 ล้านคนด้วย
ข้อมูลในสัตว์ทดลองและนอกตัวคนพบว่าโอมิครอนทำร้าย เซลล์ปอดไม่ได้ดี (คนเห็นต่างก็ว่าคนไม่ใช่สัตว์) หลายคนว่าวัคซีนเดิมๆ (สองเข็มแล้ว) และคนที่เคยติดเชื้อมาแล้ว ยังมีระดับภูมิคุ้มกันและระดับความจำภูมิคุ้มกันพออยู่ (คนเห็นต่างว่ามีบางกลุ่ม เช่น คนสูงอายุ คนมีโรคบางโรค อาจไม่พอ) และการที่มันแพร่เร็ว อาการไม่หนัก (ในบางประเทศ และบางกลุ่ม) หลายๆ คนจึงบอกว่าไปรับเชื้อเสียดีกว่าให้รู้แล้วรู้รอดไป ส่วนคนที่คิดต่างก็บอกว่าเรามีทาง มีมาตรการอีกมากมายที่ลดการแพร่กระจายได้ เช่น หน้ากาก ระยะห่าง การถ่ายเทอากาศและการล้างมือ ส่วนเรื่องยาคงไม่ขอกล่าว เพราะกว่าเราจะได้ใช้ โอมิครอนคงหมดไปก่อนแล้ว
ศาสตราจารย์ นายแพทย์ นิธิ ระบุด้วยว่า ในปีหน้าตนจะไม่ตื่นเต้นกับการระบาดของโอมิครอนจนเกินเหตุ จะฉีดวัคซีนกระตุ้นตามระยะเวลาเดิม ไม่รีบร้อนฉีดเร็วเกินเพื่อโอมคิครอนโดยเฉพาะ จะรับผิดชอบทั้งตัวเองและคนรอบข้างด้วยความสำนึกที่ไม่ไปแสวงหาให้สัมผัสโอมิครอน ตามที่อโคจรหรือมีพฤติกรรมเสี่ยง หากมีอาการหวัดหรืออาการคล้ายหวัด จะป้องกันเต็มที่ ที่จะไม่ไปแพร่เชื้อให้คนอื่น ซึ่งหลายๆ คนลืมไปว่าการใส่หน้ากากที่ถูกต้องนั้นวัตถุประสงค์สำคัญคือกันไม่ให้เราแพร่เชื้อไปให้คนอื่นโดยไม่ตั้งใจ นอกจากนี้ จะระวังการสัมผัสพบผู้สูงอายุหรือมีโรคเรื้อรัง จนกว่าโอมิครอนจะผ่านไป
พร้อมย้ำว่า อย่าเสี่ยง อย่าประมาท อย่าคิดว่าจะไม่เกิดกับเรา และที่สำคัญต้องจำคืออย่าทำร้ายคนที่คุณรัก
นอกจากนี้ ศาสตราจารย์ นายแพทย์ นิธิ ยังคงย้ำคำทำนายว่า ไม่เกินกรกฎาคม-สิงหาคมปี 2565 โควิดจะกลายไปเป็นระบาดตามฤดูกาลเท่านั้น ในปีหน้า เราอาจต้องฉีดวัคซีนอีกหนึ่งหรือสองครั้ง (แล้วแต่ชนิดวัคซีน) เท่านั้น หลังจากนั้นก็ปีละครั้งก่อนระบาด (อาจเป็นสองครั้งในบางปี)
พร้อมระบุทิ้งท้ายว่า "ขอให้ทุกๆ ท่านมีสุขภาพแข็งแรง ปราศจากโรคทั้งทางกาย ทางใจ และมีสติมีปัญญาในการรู้อยู่กับการระบาดนี้ไปด้วยกัน โดยไม่ตื่นเต้นตื่นตระหนก"
"เมื่อหลายอย่างไม่ใช่ข้อเท็จจริง เป็นเพียงความเห็น จึงมีความแตกต่างมากมายที่ทำให้คนทั่วไปสับสนได้ แต่ไม่มีอะไรพ้นความต้องมีสติ เข้าใจ (ปัญญา) และมีวินัยในการป้องกันตัวเอง และคนรอบข้างที่เรารัก
ส่วนเรื่องวัคซีนต้องไม่ลืมเร่งฉีดคนอีกหลายล้านที่ยังไม่ได้วัคซีนสักเข็มด้วย ใครจะฉีดเข็มสาม สี่ ห้า แล้วรับได้กับอาการข้างเคียงที่อาจเกิดได้ (คนเห็นต่างว่าอาการจาก Omicron น้อยกว่า) ถ้ากังวลก็ฉีดไป มีโอกาสก็บริจาคช่วยคนที่ยังไม่ได้อีก 7-8 ล้านคนด้วย
ข้อมูลในสัตว์ทดลองและนอกตัวคนพบว่าโอมิครอนทำร้าย เซลล์ปอดไม่ได้ดี (คนเห็นต่างก็ว่าคนไม่ใช่สัตว์) หลายคนว่าวัคซีนเดิมๆ (สองเข็มแล้ว) และคนที่เคยติดเชื้อมาแล้ว ยังมีระดับภูมิคุ้มกันและระดับความจำภูมิคุ้มกันพออยู่ (คนเห็นต่างว่ามีบางกลุ่ม เช่น คนสูงอายุ คนมีโรคบางโรค อาจไม่พอ) และการที่มันแพร่เร็ว อาการไม่หนัก (ในบางประเทศ และบางกลุ่ม) หลายๆ คนจึงบอกว่าไปรับเชื้อเสียดีกว่าให้รู้แล้วรู้รอดไป ส่วนคนที่คิดต่างก็บอกว่าเรามีทาง มีมาตรการอีกมากมายที่ลดการแพร่กระจายได้ เช่น หน้ากาก ระยะห่าง การถ่ายเทอากาศและการล้างมือ ส่วนเรื่องยาคงไม่ขอกล่าว เพราะกว่าเราจะได้ใช้ โอมิครอนคงหมดไปก่อนแล้ว
ศาสตราจารย์ นายแพทย์ นิธิ ระบุด้วยว่า ในปีหน้าตนจะไม่ตื่นเต้นกับการระบาดของโอมิครอนจนเกินเหตุ จะฉีดวัคซีนกระตุ้นตามระยะเวลาเดิม ไม่รีบร้อนฉีดเร็วเกินเพื่อโอมคิครอนโดยเฉพาะ จะรับผิดชอบทั้งตัวเองและคนรอบข้างด้วยความสำนึกที่ไม่ไปแสวงหาให้สัมผัสโอมิครอน ตามที่อโคจรหรือมีพฤติกรรมเสี่ยง หากมีอาการหวัดหรืออาการคล้ายหวัด จะป้องกันเต็มที่ ที่จะไม่ไปแพร่เชื้อให้คนอื่น ซึ่งหลายๆ คนลืมไปว่าการใส่หน้ากากที่ถูกต้องนั้นวัตถุประสงค์สำคัญคือกันไม่ให้เราแพร่เชื้อไปให้คนอื่นโดยไม่ตั้งใจ นอกจากนี้ จะระวังการสัมผัสพบผู้สูงอายุหรือมีโรคเรื้อรัง จนกว่าโอมิครอนจะผ่านไป
พร้อมย้ำว่า อย่าเสี่ยง อย่าประมาท อย่าคิดว่าจะไม่เกิดกับเรา และที่สำคัญต้องจำคืออย่าทำร้ายคนที่คุณรัก
นอกจากนี้ ศาสตราจารย์ นายแพทย์ นิธิ ยังคงย้ำคำทำนายว่า ไม่เกินกรกฎาคม-สิงหาคมปี 2565 โควิดจะกลายไปเป็นระบาดตามฤดูกาลเท่านั้น ในปีหน้า เราอาจต้องฉีดวัคซีนอีกหนึ่งหรือสองครั้ง (แล้วแต่ชนิดวัคซีน) เท่านั้น หลังจากนั้นก็ปีละครั้งก่อนระบาด (อาจเป็นสองครั้งในบางปี)
พร้อมระบุทิ้งท้ายว่า "ขอให้ทุกๆ ท่านมีสุขภาพแข็งแรง ปราศจากโรคทั้งทางกาย ทางใจ และมีสติมีปัญญาในการรู้อยู่กับการระบาดนี้ไปด้วยกัน โดยไม่ตื่นเต้นตื่นตระหนก"