นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการเดินทางไกลในช่วงหยุดยาวปีใหม่ ที่มีทั้งใช้บริการขนส่งสาธารณะ และรถยนต์ส่วนบุคคล แบบการรวมกลุ่มเดินทางด้วยพาหนะคันเดียวกัน เช่น การเดินทางของเครือญาติ กลุ่มเพื่อนสนิท เพื่อกลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยว ซึ่งการเดินทางแบบรวมกลุ่มด้วยยานพาหนะส่วนบุคคล มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จากการสัมผัสใกล้ชิดเป็นเวลานาน การพูดคุยกันภายในยานพาหนะ ละเลยการสวมหน้ากากอนามัยป้องกัน มีการระบายอากาศที่ไม่ดีพอ รวมทั้งใช้อุปกรณ์เครื่องใช้ส่วนตัวร่วมกัน ดังนั้น เมื่อต้องเดินทางแบบรวมกลุ่ม จำเป็นต้องปฏิบัติเข้มตามมาตรการ ดังนี้
1. ผู้ร่วมเดินทางต้องสวมหน้ากากตลอดเวลา และหลีกเลี่ยงการพูดคุยในขณะอยู่ร่วมกัน
2. หลีกเลี่ยงการกินอาหารร่วมกันขณะอยู่บนยานพาหนะ งดใช้อุปกรณ์เครื่องใช้ส่วนตัวร่วมกัน เช่น แก้วน้ำ ขวดน้ำ ช้อนส้อม
3. ในกรณีที่มีการแวะพักกินอาหาร ซื้อของฝาก เข้าห้องน้ำ ห้องส้วม ที่สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง หรือสถานที่สาธารณะ ให้เว้นระยะห่างระหว่างบุคคล สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา หมั่นล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ หลีกเลี่ยงการสัมผัสพื้นผิวหรืออุปกรณ์ที่มีการสัมผัสร่วม รักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล
4. ในกรณีที่มีการเดินทางระยะไกล ควรหยุดแวะพักทุกชั่วโมง เปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศ
นอกจากนี้ ควรปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตนเองแบบครอบจักรวาล (Universal Prevention) อย่างเคร่งครัด และเข้มงวดมาตรการ DMHTA เพื่อความปลอดภัย ลดความเสี่ยงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
อธิบดีกรมอนามัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ก่อนออกเดินทางทุกครั้ง ควรเตรียมความพร้อม ดังนี้
1) ศึกษาข้อมูลมาตรการและแนวปฏิบัติ ตามประกาศของคณะกรรมการควบคุมโรคของจังหวัดปลายทาง เพื่อประเมินความพร้อมและการปฏิบัติ ตามมาตรการ
2) ตรวจสอบสภาพยานพาหนะ ทำความสะอาดหรือฆ่าเชื้อในบริเวณที่มีการสัมผัสร่วมกัน เช่น บริเวณประตู เบาะที่นั่ง เป็นต้น ให้เปิดประตูหน้าต่างเพื่อระบายอากาศในยานพาหนะก่อนออกเดินทาง
3) ผู้เดินทางทั้งหมดต้องสังเกตอาการเสี่ยง และประเมินตนเองผ่านแอปพลิเคชัน "ไทยเซฟไทย" หรือแอปพลิเคชันอื่นๆ หากพบว่ามีอาการหรือมีความเสี่ยง แนะนำให้ตรวจ ATK ก่อนเดินทาง
4) ในกรณีที่ผู้เดินทางมีความเกี่ยวข้องกับสถานที่ที่มีการแพร่ระบาดและติดเชื้อโรคโควิด-19 แบบกลุ่มก้อน หรือสัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อ หรือต้องสงสัยว่าติดเชื้อ ให้งดการเดินทางและเข้ารับการตรวจโดยวิธี RT-PCR และทำการกักตัวเป็นเวลา 14 วัน