นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีช่างภาพหญิงของบริษัทแห่งหนึ่ง ได้ยื่นอุทธรณ์ผลการพิจารณาคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้น กรณีได้รับความเสียหายจากการรับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ตามที่คณะอนุกรรมการพิจารณาวินิจฉัยคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นเขต 13 กรุงเทพมหานคร ที่มีมติจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้น จำนวน 30,000 บาทนั้น
ทั้งนี้ ตามกระบวนการอุทธรณ์คำร้องได้ให้คณะกรรมการอุทธรณ์มาร่วมพิจารณาข้อเท็จจริงและคำอุทธรณ์ ประกอบกับข้อกฎหมายได้ ซึ่งจากที่ได้พิจารณาข้อมูลแล้วพบว่า ผู้ยื่นคำร้องได้รับวัคซีนโควิด-19 เมื่อวันที่ 18 ส.ค.64 ต่อมาวันที่ 28 ส.ค.64 ได้เริ่มมีอาการปวดเบ้าตาทั้งสองข้าง และวันที่ 10 ก.ย.64 ตาทั้งสองข้างพร่ามัว จึงเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ผลตรวจเอกซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าสมอง ไม่พบความผิดปกติ แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นอาการเส้นประสาทตาอักเสบทั้งสองข้าง โดยให้การรักษาด้วยยาสเตียรอยด์ และนอนรักษาในโรงพยาบาลจนถึงวันที่ 13 ก.ย.64 หลังจากนั้นยังเข้ารับการรักษาต่อเนื่อง อาการปัจจุบันตาซ้ายมองไม่เห็นและตาขวามองเห็นไม่ชัดแล้ว
นพ.จเด็จ กล่าวว่า จากข้อมูลและอาการที่ปรากฏหลังรับวัคซีน ทำให้เชื่อได้ว่าเป็นความเสียหายที่เป็นเหตุสุดวิสัยจากการรับวัคซีนโควิด-19 ซึ่งเข้าตามเกณฑ์การจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้น ตามข้อ 4 ของประกาศสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้น กรณีผู้รับบริการได้รับความเสียหายจากการรับวัคซีนป้องกันโควิด-19 เมื่อได้พิจารณาถึงความรุนแรงของความเสียหาย แล้วเห็นว่าเป็นความเสียหายประเภทสูญเสียอวัยวะหรือพิการที่มีผลต่อการดำเนินชีวิต จึงวินิจฉัยให้จ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้น จำนวน 240,000 บาท ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดในกรณีสูญเสียอวัยวะหรือพิการ
อย่างไรก็ตาม ตามที่คณะอนุกรรมการฯ เขต 13 กรุงเทพมหานคร ได้มีมติจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นไปแล้ว 30,000 บาท จึงให้จ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นเพิ่มเติมอีก 210,000 บาท โดยจะมีการโอนจ่ายเงินช่วยเหลือภายใน 5 วัน หลังการพิจารณา