นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มุ่งมั่นที่จะให้ยาเสพติดหมดไปจากประเทศ พร้อมผลักดันกระทรวงยุติธรรมแก้ปัญหายาเสพติดในเชิงรุก บูรณาการการทำงาน มุ่งตัดวงจรการลักลอบค้ายาเสพติด โดยมีการประกาศใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ ซึ่งมีผลบังคับใช้ไปในวันที่ 9 ธันวาคม ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการปรับปรุงกฎหมายยาเสพติดรวม 24 ฉบับ ให้เป็นฉบับเดียว มุ่งเน้นการจับและขยายผลไปสู่การยึดทรัพย์และดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.มาตรการสมคบ กฎหมายฟอกเงิน และกฎหมายรัษฎากร เป็นหลัก แทนแนวทางเดิมที่เน้นการปราบปรามและการจับกุมเพียงอย่างเดียว โดยเชื่อว่า จะนำไปสู่การป้องกันปราบปรามยาเสพติดอย่างเป็นระบบ มุ่งทำลายโครงสร้างเครือข่ายการค้ายาเสพติด รวมถึงการวางกรอบลงโทษผู้กระทำความผิดที่เหมาะสมและยุติธรรม
นอกจากนี้ การปรับปรุงประมวลยาเสพติดฉบับใหม่ เป็นการปรับกรอบแนวคิดและสร้างการทำงานที่แตกต่างไปจากเดิม เช่น การริบทรัพย์สินไม่ผูกพันกับผลของคดีอาญา การริบทรัพย์สินตามมูลค่า การให้เครื่องมือทางกฎหมายกับเจ้าหน้าที่ ในการยึดหรืออายัดทรัพย์สินในกรณีเร่งด่วน ก่อนมีคำสั่งตรวจสอบทรัพย์สิน ซึ่งประมวลกฎหมายยาเสพติดใหม่นี้ ทำให้การดำเนินการริบทรัพย์สินทำงานได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมและสามารถเดินหน้าได้อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ยังป้องกันกันยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน
ทั้งนี้ รัฐบาล โดยกระทรวงยุติธรรม ตั้งเป้าว่า ในปีงบประมาณ 2565 จะสามารถยึดทรัพย์จากเครือข่ายค้ายาเสพติดได้ 10,000 ล้านบาท โดยจะนำมาเป็นเงินสินบนต่อผู้แจ้งเบาะแส 5% หรือ 500 ล้านบาท สำหรับข้าราชการและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติติงานจะได้รับเงินรางวัล 25% หรือ 2,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามกฎหมาย
นอกจากนี้ การปรับปรุงประมวลยาเสพติดฉบับใหม่ เป็นการปรับกรอบแนวคิดและสร้างการทำงานที่แตกต่างไปจากเดิม เช่น การริบทรัพย์สินไม่ผูกพันกับผลของคดีอาญา การริบทรัพย์สินตามมูลค่า การให้เครื่องมือทางกฎหมายกับเจ้าหน้าที่ ในการยึดหรืออายัดทรัพย์สินในกรณีเร่งด่วน ก่อนมีคำสั่งตรวจสอบทรัพย์สิน ซึ่งประมวลกฎหมายยาเสพติดใหม่นี้ ทำให้การดำเนินการริบทรัพย์สินทำงานได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมและสามารถเดินหน้าได้อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ยังป้องกันกันยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน
ทั้งนี้ รัฐบาล โดยกระทรวงยุติธรรม ตั้งเป้าว่า ในปีงบประมาณ 2565 จะสามารถยึดทรัพย์จากเครือข่ายค้ายาเสพติดได้ 10,000 ล้านบาท โดยจะนำมาเป็นเงินสินบนต่อผู้แจ้งเบาะแส 5% หรือ 500 ล้านบาท สำหรับข้าราชการและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติติงานจะได้รับเงินรางวัล 25% หรือ 2,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามกฎหมาย