ตามที่มีการเผยแพร่ข่าวสารในประเด็นเรื่อง ศบค. ให้ทุกพื้นที่เปิดบริการและดื่มสุราได้ในคืนวันที่ 31 ธ.ค. 64 ไม่เกิน 01.00 น. ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย กรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้นเป็นข้อมูลจริง
ที่ประชุม ศบค.มีมติเห็นชอบการปรับพื้นที่ การจัดงานเทศกาลปีใหม่และการสวดมนต์ข้ามปี ดังนี้
1. เห็นชอบการปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักร
- พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด พื้นที่ควบคุมสูงสุด และพื้นที่เฝ้าระวัง 0 จังหวัด
- พื้นที่ควบคุม 39 จังหวัด
- พื้นที่เฝ้าระวังสูง 30 จังหวัด
- พื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว 8 จังหวัด (เพิ่ม จ. ชลบุรีเป็นพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว) โดยมีพื้นที่นำร่องบางพื้นที่ในจังหวัด 18 จังหวัด
2. เห็นชอบการปรับมาตรการป้องกันโรคโควิด 19 ในการจัดงานช่วงเทศกาลปีใหม่
- พื้นที่ควบคุม พื้นที่เฝ้าระวังสูง พื้นที่เฝ้าระวังและพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว สามารถเปิดบริการและบริโภคสุรา ในคืนวันที่ 31 ธ.ค. 64 - 1 ม.ค. 65 ได้ไม่เกิน 01.00 น. ได้เฉพาะร้านที่เปิดโล่ง อากาศถ่ายเทสะดวกเท่านั้น และต้องเคร่งครัดมาตรการ COVID Free Setting
- มาตรการฯ สำหรับการจัดงานตั้งแต่ 1,000 คนขึ้นไป ผู้จัดงานปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด ต้องลงทะเบียนและทำการประเมินตนเองผ่านแพลตฟอร์ม TSC 2+ และควบคุมกำกับให้พนักงานประเมินตนเองผ่าน Thai Save Thai พร้อมยกระดับ COVID Free Customer และ COVID Free Environment ผู้เข้าร่วมต้องฉีดวัคซีน 2 เข็มและมีการตรวจหาเชื้อด้วย ATK (ต่ำกว่า 1,000 คน ดำเนินการตามมาตรการกระทรวงสาธารณสุขที่กำหนดไว้แล้ว)
- กิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี
ส่วนกลาง วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม วันที่ 31 ธ.ค. 64 เวลา 22.30 น. กิจกรรม เจริญจิตตภาวนา และสวดมนต์ส่งท้ายปีเก่า และวัดอรุณราชวราราม วันที่ 31 ธ.ค. 64 เวลา 23.30 น. กิจกรรม เจริญจิตตภาวนา สวดมนต์ส่งท้ายปีเก่า วันที่ 1 ม.ค. 65 เวลา 07.00 น. กิจกรรมทำบุญตักบาตรรับปีใหม่
ส่วนภูมิภาค สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี อย่างน้อยจังหวัดละ 1 แห่ง และกิจกรรมพิเศษที่จัดขึ้นใน 3 ภูมิภาค ภาคเหนือ จ.เชียงราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.อุดรธานี และภาคใต้ จ.สุราษฎร์ธานี ส่งเสริมบูรณาการความร่วมมือทางศาสนา ส่งเสริมประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่น และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.prd.go.th/th หรือโทร. 02-618-2323