นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่พนักงานอัยการจังหวัดทองผาภูมิ เป็นโจทก์ฟ้องนายเปรมชัย กรรณสูต อดีตประธานกรรมการ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ รวมถึง นายยงค์ โดดเครือ คนขับรถ, นางนที เรียมแสน แม่ครัว, นายธานี ทุมมาศ พรานป่า ร่วมเป็นจำเลยที่ 1-4 ในฐานความผิด ร่วมกันล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันมีไว้ครอบครอง ซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยในที่สุดศาลฎีกาได้พิพากษาจำคุกนายเปรมชัย 2 ปี 14 เดือน โดยไม่รอลงอาญา และให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย 2 ล้านบาท เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมานั้น
คำพิพากษาดังกล่าวถือว่าเป็นที่สุดแห่งคดีที่ยืนยันการกระทำความผิดของนายเปรมชัย ซึ่งเป็นหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ที่จะต้องบังคับคดีให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลฎีกาของจำเลยทั้ง 4 คนต่อไป และหวังว่าคงไม่ปล่อยให้มีการใช้แท็กติกอ้างป่วยมานอนรักษานอกคุกได้ แต่สิ่งที่สังคมไทยจะต้องติดตามกันต่อไป คือ กรณีที่นายเปรมชัย ในขณะที่กระทำความผิดมีตำแหน่งเป็นประธานกรรมการ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ ซึ่งเป็นธุรกิจที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อันมีประมวลจริยธรรมหรือจรรยาบรรณของกลุ่มตลาดทรัพย์ทรัพย์แห่งประเทศไทยกำกับดูแลอยู่ โดยกำหนดไว้ว่าจะต้องปฏิบัติ ให้ความร่วมมือ และควบคุมให้มีการปฏิบัติตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย การมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
นอกจากนั้น บมจ.อิตาเลียนไทยฯ ยังได้มีการจัดทำบรรษัทภิบาลอิตาเลียนไทย 2561 ขึ้นมาโดยในข้อ 1.6 ระบุว่า จะต้องปฏิบัติเกี่ยวกับจริยธรรมธุรกิจและจรรยาบรรณของผู้บริหารให้ต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวม อาทิ ไม่กระทำการใดๆ ที่จะมีผลเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติ และสภาพแวดล้อม เป็นต้น ซึ่งคำพิพากษาศาลฎีกา ได้ยืนยันชัดเจนถึงการกระทำที่ผิดกฎหมายที่ก่อให้เกิดผลเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติ และสภาพแวดล้อมของนายเปรมชัยแล้ว
ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงได้ทำหนังสือเป็นคำร้องส่งไปยังคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เพื่อดำเนินการพิจารณากำหนดบทลงโทษทางด้านจริยธรรม/จรรยาบรรณต่อ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ด้วย และต้องกำหนดบทลงโทษต่อนายเปรมชัย หลังจากที่พ้นโทษทางอาญาออกมาแล้วด้วย เพื่อให้กรณีดังกล่าวเป็นกรณีตัวอย่างของผู้บริหาร บมจ.ต่างๆ ที่จะทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯให้พึงสังวรไว้ว่า หากมีการกระทำหรือฝ่าฝืนกฎหมายในลักษณะดังกล่าว หรือกฎหมายอื่นๆ แม้จะมีบทลงโทษทางอาญาหรือแพ่งของกฎหมายบ้านเมืองแล้ว จะหลีกหนี้ไม่พ้นที่จะต้องกลับมารับผิด รับโทษทางด้านจริยธรรมด้วย