นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยความคืบหน้าการฉีดวัคซีนของเด็กนักเรียน ณ วันที่ 21 พฤศจิกายน พบว่ามีนักเรียนที่ประสงค์ฉีดวัคซีนจำนวน 4,062,239 คน จากจำนวนทั้งหมด 5,085,460 คน โดยนักเรียนที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 แล้ว 3,686,476 คน คิดเป็นร้อยละ 90.75 และเข็มที่ 2 จำนวน 1,674,270 คน คิดเป็นร้อยละ 41.22 ส่วนจำนวนนักเรียนที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว จำแนกตามรายภาค ได้แก่ ภาคอีสาน ฉีดได้ 480,952 คน ภาคกลาง 447,450 คน ภาคใต้ 331,020 คน ภาคตะวันออก 173,032 คน ภาคเหนือ 169,884 คน และภาคตะวันตก 71,932 คน
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ แจ้งขยายเวลาให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับเด็กที่ศึกษานอกระบบ อยู่นอกระบบการศึกษา หรือเด็กนักเรียนที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนจากจุดฉีดในสถานศึกษา โดยจะบริการฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็มที่ 1 สำหรับเด็กอายุตั้งแต่ 12-18 ปี ทั้งนักเรียนชาวไทยและต่างชาติ สามารถขอรับบริการลงทะเบียน ณ จุดฉีด (Walk in) ถึงวันที่ 7 ธันวาคม 2564 โดยต้องมีผู้ปกครองหรือผู้แทนโดยชอบธรรมมาพร้อมกับเด็ก และต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองเป็นลายลักษณ์อักษรในวันที่ฉีดยา
นายธนกร กล่าวเพิ่มเติมว่า การฉีดวัคซีนให้กับเด็กนักเรียนอายุ 12-18 ปี ตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันคิกออฟ จนถึงปัจจุบัน ก้าวหน้าเป็นอย่างมาก มีนักเรียนทยอยแจ้งความประสงค์ฉีดวัคซีนเพิ่มมากกว่า 4.06 ล้านคน สูงกว่าที่เคย รวมทั้งจำนวนการฉีดวัคซีนครอบคลุม อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีฝากความห่วงใยถึงผู้ปกครอง คุณครู และนักเรียน ว่า แม้ว่าจะได้รับวัคซีนแล้ว โรงเรียนยังต้องดำเนินมาตรการ Safety Zone in School และนักเรียนต้องปฏิบัติตามแนวทางป้องกันทางสาธารณสุขอย่างเข้มงวด เพื่อลดการติดหรือแพร่เชื้อ เพื่อให้การเรียน On site มีความปลอดภัย