xs
xsm
sm
md
lg

ครั้งแรกในรอบ 17 ปี! ไฟเขียว ปณท ปรับค่าบริการส่งจดหมายในประเทศ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วันนี้ (18 พ.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (บอร์ดดีอี) ครั้งที่ 3/2564 โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) นางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดิจิทัลฯ นายภุชพงค์ โนดไธสง เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) และคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เข้าร่วมประชุม

โดยที่ประชุมวันนี้ให้ความเห็นชอบ (ร่าง) นโยบายการพัฒนาแพลตฟอร์มภาครัฐเพื่อรองรับการปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Government Platform for PDPA Compliance : GPPC) เพื่อเป็นกรอบทิศทางและเป้าหมายการพัฒนาแพลตฟอร์มฯ ช่วยสนับสนุนการดำเนินการด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ เงื่อนไข ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลฯ เพื่อให้บริการหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ลดภาระด้านงบประมาณในภาพรวมของภาครัฐ รวมทั้ง สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล ตามนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลฯ ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580)

กำหนดกรอบระยะเวลาการดำเนินงาน แบ่งเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 (1 ปี 6 เดือน) ดำเนินการพัฒนาแพลตฟอร์มกลางฯ และส่งเสริมให้มีการใช้งานแพลตฟอร์มกลางฯ ไปยังหน่วยงานภาครัฐ จำนวน 200 หน่วยงาน อบรมบุคลากร 2,000 คน และระยะที่ 2 ดำเนินการส่งเสริมให้เกิดการใช้งานแพลตฟอร์มฯ ในภาคเอกชน และทำการติดตามประเมินผลการใช้งานแพลตฟอร์ม

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้มีการจัดทำ "บัญชีบริการดิจิทัล" เพื่อขึ้นทะเบียนบริการด้านดิจิทัลของ Digital Startup และผู้ประกอบการดิจิทัล (Digital Provider) ที่มีมาตรฐาน พร้อมผลักดันบัญชีบริการดิจิทัลเข้าสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ

ทั้งนี้ ที่ประชุมฯ มอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) ดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป นอกจากนี้ ยังเห็นชอบให้ดำเนินการขับเคลื่อนบัญชีบริการดิจิทัล ในภาคเอกชนและภาคประชาชน โดยผลักดันผ่านกลไกนโยบายภาครัฐ เช่น นโยบายภาษี เป็นต้น เพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้ประโยชน์จากผู้ประกอบการดิจิทัลไทยในวงกว้าง

ก่อนหน้านี้ ดีป้าในสังกัดกระทรวงดิจิทัลฯ ได้เสนอการจัดทำ "บัญชีบริการดิจิทัล" โดยดำเนินการร่วมกับกรมบัญชีกลาง ในการขอแก้ไขกฎกระทรวงการคลัง กำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน พ.ศ. 2563 ผ่านการขอเพิ่มเติมหมวดพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุนอีก 1 หมวด ภายใต้ชื่อ "หมวด 9 พัสดุส่งเสริมและพัฒนาด้านดิจิทัล" ซึ่งผลิตภัณฑ์และบริการที่ขึ้นทะเบียนภายใต้บัญชีดังกล่าว จะได้รับการส่งเสริมตามกฎกระทรวงการคลังฯ ที่กำหนดให้เป็นพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน

ขณะที่นายภุชพงค์ โนดไธสง เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) กล่าวว่า ที่ประชุมได้มอบอำนาจให้กระทรวงดิจิทัลฯ พิจารณาการเสนอขอปรับอัตราค่าบริการไปรษณียภัณฑ์ในประเทศ ตามร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราไปรษณียากรและค่าธรรมเนียมอื่น พ.ศ. … โดยนับเป็นการขอปรับค่าบริการครั้งแรกในรอบกว่า 17 ปี ของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) และมอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลฯ เสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราไปรษณียากรและค่าธรรมเนียมอื่น พ.ศ. … ต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป

ทั้งนี้ การปรับค่าบริการดังกล่าวจะปรับเฉพาะบริการจดหมายในประเทศเท่านั้น โดยปรับอัตราค่าบริการเป็น 2 รอบ รอบแรกคงอัตราค่าบริการพิกัดแรกไว้ที่ 3 บาทเช่นเดิม เป็นระยะเวลา 3 ปี (2565-2567) และจะปรับอัตโนมัติในครั้งถัดไปตั้งแต่ปี 2568 โดยมีอัตราค่าบริการในพิกัดแรก 4 บาท และอัตราค่าบริการสูงสุด 62 บาท โดยประกาศให้มีผลบังคับใช้อัตราค่าบริการที่ปรับปรุงใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2565 เพื่อรองรับการดำเนินธุรกิจในปัจจุบันให้มีความยืดหยุ่น สอดคล้องกับสภาวะต้นทุนการดำเนินงานที่เหมาะสม