นางธัญญนิตย์ นิยมการ ผู้ช่วย ผู้ว่าการสายกำกับสถาบันการเงิน 2 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า โครงการคลินิกแก้หนี้ ที่ผ่านมา ได้ดำเนินการปรับเกณฑ์เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ในโครงการฯ และผู้สมัครรายใหม่อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การออกมาตรการช่วยเหลือระยะที่ 3 “สูตรจ่ายเท่าที่ไหว” ในช่วงเดือนกรกฎาคมจนถึงสิ้นปี 2564 ซึ่งลูกหนี้ที่ชำระหนี้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของค่างวดตามสัญญาจะได้รับส่วนลดดอกเบี้ยร้อยละ 1-2 ต่อปี รวมทั้งได้ปรับกระบวนการทำงานเพื่อเพิ่มความรวดเร็วและอำนวยความสะดวกแก่ลูกหนี้ เช่น ลูกหนี้สามารถสมัครและส่งเอกสารผ่านเว็บไซต์ และเมื่อได้รับอนุมัติจะเริ่มปรับโครงสร้างหนี้ได้ โดยส่งภาพหลักฐานการตอบรับเงื่อนไขและเอกสารที่เกี่ยวข้องผ่านช่องทางที่กำหนด ควบคู่กับการส่งเอกสารตัวจริงทางไปรษณีย์ รวมทั้งลูกหนี้ในโครงการฯ สามารถตรวจสอบข้อมูลเครดิตบูโรได้ที่สำนักงานโครงการคลินิกแก้หนี้
นอกจากนี้ สำหรับลูกหนี้รายใหม่ที่เข้าโครงการฯ ยังปรับอัตราดอกเบี้ยให้เหลือเพียงอัตราเดียวที่ร้อยละ 5 ต่อปี
ทั้งนี้ จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังส่งผลกระทบต่อการประกอบอาชีพและรายได้ของประชาชนอย่างต่อเนื่อง คณะกรรมการกำกับดูแลโครงการคลินิกแก้หนี้ (กคน.) จึงมีมติเห็นชอบให้ปรับเกณฑ์คุณสมบัติลูกหนี้ที่สามารถสมัครเข้าร่วมโครงการ เพื่อขยายความช่วยเหลือให้ครอบคลุมลูกหนี้สินเชื่อบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด และสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน จากเดิมที่ต้องมีสถานะเป็นหนี้เสีย (NPL) ก่อนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นก่อนวันที่ 1 ตุลาคม 2564 โดยมีผลตั้งแต่ 17 พฤศจิกายน 2564
นอกจากนี้ สำหรับลูกหนี้รายใหม่ที่เข้าโครงการฯ ยังปรับอัตราดอกเบี้ยให้เหลือเพียงอัตราเดียวที่ร้อยละ 5 ต่อปี
ทั้งนี้ จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังส่งผลกระทบต่อการประกอบอาชีพและรายได้ของประชาชนอย่างต่อเนื่อง คณะกรรมการกำกับดูแลโครงการคลินิกแก้หนี้ (กคน.) จึงมีมติเห็นชอบให้ปรับเกณฑ์คุณสมบัติลูกหนี้ที่สามารถสมัครเข้าร่วมโครงการ เพื่อขยายความช่วยเหลือให้ครอบคลุมลูกหนี้สินเชื่อบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด และสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน จากเดิมที่ต้องมีสถานะเป็นหนี้เสีย (NPL) ก่อนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นก่อนวันที่ 1 ตุลาคม 2564 โดยมีผลตั้งแต่ 17 พฤศจิกายน 2564