นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ แถลงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2564 และแนวโน้มปี 2564-2565 ว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 3 ของปี 2564 ปรับตัวลดลง 0.3% เทียบกับการขยายตัว 7.6% ในไตรมาสก่อนหน้า โดยด้านใช้จ่ายมีสาเหตุจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้ประชาชนระมัดระวังพฤติกรรมการใช้จ่าย ในขณะที่ภาครัฐมีความจำเป็นต้องยกระดับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด
ส่วนการส่งออกสินค้า มีมูลค่า 67,249 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 15.7% ต่อเนื่องจากการขยายตัว 36.2% ในไตรมาสก่อนหน้า โดยปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้น 12.2% และราคาส่งออกเพิ่มขึ้น 3.1% ทำให้ทั้งปีสภาพัฒน์ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 1.2% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะอยู่ที่ 1.2% และบัญชีเดินสะพัดขาดดุล 2.5% ต่อจีดีพี
ส่วนปีหน้า คาดว่าจะขยายตัวในช่วง 3.5-4.5% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศและภาคการผลิตตามสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ที่มีแนวโน้มคลี่คลายลงและความคืบหน้าของการกระจายวัคซีน การฟื้นตัวอย่างช้าๆ ของภาคท่องเที่ยวระหว่างประเทศภายใต้นโยบายการเปิดประเทศของภาครัฐ การขยายตัวในเกณฑ์ดีของการส่งออกสินค้า การขับเคลื่อนจากการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ และฐานการขยายตัวที่ยังอยู่ในระดับต่ำ
ทั้งนี้ คาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปดอลลาร์สหรัฐ จะขยายตัว 4.9% การอุปโภคบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนขยายตัว 4.3% และ 4.2% ตามลำดับ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยในช่วง 0.9-1.9% และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 1.0% ของจีดีพี