นายแพทย์สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ จ.สงขลา กล่าวถึงสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดสงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ที่มีการระบาดหนักขณะนี้ ว่า มีลักษณะเดียวกับสถานการณ์ของกรุงเทพมหานครเมื่อประมาณ 2-3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งมีจำนวนเตียงสำหรับผู้ป่วยอาการปานกลางและอาการรุนแรง (สีเหลือง-แดง) ไม่เพียงพอ
นายแพทย์สุภัทร กล่าวว่า ในส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อนั้น ส่วนตัวมองว่าจำนวนผู้ติดเชื้อที่แท้จริงน่าจะสูงกว่าตัวเลขที่รายงานออกมาพอสมควร เพราะหลายกรณีเป็นการตรวจด้วยชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) และไม่ได้ถูกรายงานเข้าระบบ เช่นเดียวกับจำนวนผู้เสียชีวิตก็น่าจะต่ำกว่าความเป็นจริง เพราะยังมีการเสียชีวิตที่บ้านที่ไม่ได้พิสูจน์ว่าเป็นโควิด-19 หรือไม่
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าระบบสาธารณสุขในพื้นที่ยังพอรับมือไหว เพราะแม้จะมีเคสที่ผลตรวจเชื้อเป็นบวกตกค้างในหมู่บ้าน และไม่มีเตียงในโรงพยาบาลรองรับ ก็ได้ใช้วิธีการกักตัวที่บ้าน (Home Isolation) เพื่อดูแลได้ ขณะเดียวกัน ชุมชนต่างๆ ก็ช่วยเปิดศูนย์พักคอย (Community Isolation) หลายแห่ง เพราะฉะนั้นเตียงผู้ป่วยสีเขียวจึงไม่เต็ม จะเต็มเฉพาะแต่เตียงผู้ป่วยสีเหลืองและสีแดง และถึงแม้ว่าเตียงสีเหลืองและสีแดงจะเต็ม ส่วนตัวก็รู้สึกว่ายังไม่รุนแรงเมื่อเทียบกับสถานการณ์ในกรุงเทพมหานครที่ขาดแคลนอย่างหนัก เนื่องจากพี่น้องมุสลิมยอมรับความตายได้มากกว่า เช่น ไม่ประสงค์จะใส่ท่อช่วยหายใจ ไม่ต้องการให้ปั๊มหัวใจ ทำให้ความต้องการเตียงลดลง
นายแพทย์สุภัทร กล่าวเพิ่มเติมว่า สถานการณ์ในจังหวัดอื่นก็ชะตากรรมไม่ค่อยต่างกัน เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลรับภาระทุกเรื่อง ทั้งหาเคส swab ตรวจ ATK ตรวจ RT-PCR เจอเชื้อก็ต้องรับเป็นผู้ป่วยในโรงพยาบาล หรือ Community Isolation และยังต้องไปฉีดวัคซีน ไปสอบสวนโรค ควบคุมโรคในชุมชน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าแนวโน้มหลังจากนี้น่าจะระบาดหนักไปอีกประมาณ 4-6 สัปดาห์
หลังจากนี้เชื่อว่าสถานการณ์จะค่อยๆ คลี่คลายลงเหมือนกรุงเทพมหานคร เพราะติดกันไปเยอะแล้ว และได้รับวัคซีน ซึ่งขณะนี้ในพื้นที่ได้รับจัดสรรวัคซีนมาเยอะมาก จึงถือเป็นจุดแข็ง โดยหากเร่งฉีดวัคซีนเต็มที่น่าจะใช้เวลา 6 สัปดาห์ ถึง 2 เดือน เพื่อให้ความครอบคลุมได้ถึง 70% อันจะช่วยควบคุมการระบาดได้มาก